NewsGulf เตรียมขายหุ้นกู้ผ่านแอป ’เป๋าตัง’ เริ่มสิงหาคมนี้

Gulf เตรียมขายหุ้นกู้ผ่านแอป ’เป๋าตัง’ เริ่มสิงหาคมนี้

บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ อายุ 4 ปี และ 7 ปี อันดับเครดิตระดับ A- แก่ประชาชนทั่วไป ผ่านแอป ‘เป๋าตัง’ และสถาบันการเงิน 9 แห่ง ภายในสิงหาคมนี้ เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้เดิมบางส่วน ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และรองรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ


GULF เปิดเผยว่าทางบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย ‘หุ้นกู้ดิจิทัล’ 2 รุ่น อายุ 4 ปี และอายุ 7 ปี และ’หุ้นกู้’ 2 รุ่น อายุ 4 ปี และอายุ 7 ปี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตเสนอขายหุ้นกู้ฯ ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะเสนอขายในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ทาง GULF จะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผลตอบแทนให้ทราบในภายหลัง


สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ฯ ของ GULF ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปในครั้งนี้ แบ่งเป็น ‘หุ้นกู้ดิจิทัล’ 2 รุ่น อายุ 4 ปี และ 7 ปี ผ่านแอปพลิเคชั่น ‘เป๋าตัง’ ของธนาคารกรุงไทย โดยจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท


และ ‘หุ้นกู้’ อีก 2 รุ่น อายุ 4 ปี และ 7 ปี ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารทหารไทยธนชาต, ธนาคารยูโอบี, บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร, และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) โดยจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท


ด้านนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าหุ้นกู้ฯ ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนที่ดี


สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส (1/2565) มีรายได้รวมอยู่ที่ 22,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส (1/2564) และมีผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3,257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 867 ล้านบาท หรือ 36% จากไตรมาส (1/2564) ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 3,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% จาก 1,632 ล้านบาท ในไตรมาสแรก (1/2564) ในส่วนของ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 อยู่ที่ 1.77 เท่า

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า