ต้องเฝ้าระวัง หลังปานปรีย์ลาออก เหตุกระทบความมั่นคงไทย-เมียนมา ที่กำลังดำเนินการอยู่
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ในรายการ Suthichai live ตอน “ปานปรีย์ลาออก! โจทย์ยากของเศรษฐา!” โดยระบุถึงผลกระทบอันเนื่องมาจากการลาออกของ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว. ต่างประเทศ (กต.) ต่องานความมั่นคง และการต่างประเทศของไทย ซึ่งในเวลานี้กำลังต้องรับมือกับสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาอย่างใกล้ชิด
รศ.ดร.ปณิธาน กล่าวว่าปัจจุบันความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกนั้นเกิดขึ้นในหลายมิติ ท่ามกลางการแข่งขันกันระหว่างชาติมหาอำนาจ ซึ่งไทยเองก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งนี้ด้วยแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมา ที่มีข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า มีการผลักดันกองกำลังชนกลุ่มน้อยหลายกองกำลังเข้ามาประชิดพรมแดนไทย
การลาออกของนายปานปรีย์ จะทำให้การบริหารสถานการณ์ของฝ่ายไทยที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น หยุดชะงัก หรืออาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยน อีกทั้ง รมว. กต. คนใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่นั้น หากมีเพียงตำแหน่ง รมว. กต. อย่างเดียวก็จะมีอำนาจต่อรองน้อยมาก จนยากที่จะต่อยอดจากที่ได้ดำเนินการไปแล้วได้
รศ.ดร. ปณิธาน กล่าวถึงจดหมายลาออกของนายปานปรีย์ ซึ่งได้มีการแจกแจงผลงานในระหว่างการดำรงตำแหน่ง 8 เดือนว่าได้ทำอะไรเอาไว้บ้างว่า น่าจะมีการแจกแจงรายละเอียดว่าได้ไปคุยอะไรกับสหรัฐ กับจีนเอาไว้บ้าง เนื่องจากจีนไม่พอใจที่ไทยไปเข้าร่วม “ระเบียงมนุษยธรรม” กับอเมริกา แต่นายปานปรีย์เข้าไปคุยกับจีน จนทำให้จีนสบายใจได้
อีกทั้งทาง กต. เองเตรียมที่จะดำเนินการเชิงรุกกับสถานการณ์ภายในเมียนมา เนื่องจากสถานการณ์ในเมียนมาในปีนี้จะมีความผกผันสูง โดยเฉพาะในเวลานี้มีการพักรบชั่วคราว และจะมีผลประโยชน์มหาศาลเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศได้ดำเนินการไปลึกพอสมควร มีการดำเนินการด้านมนุษยธรรม และการเสนอข้อตกลงหยุดยิงไปแล้ว
ซึ่ง รมว. กต. ท่านใหม่ และรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงคนใหม่จะต้องมีความชัดเจนว่านโยบายเหล่านี้จะยังเดินหน้าต่อไปหรือไม่ ไม่งั้นทุกอย่างก็จะชะงัก “เพราะตอนนี้ไทยกลายเป็นแกนของการแก้ปัญหาในประเทศเมียนมา” รศ.ดร. ปณิธานกล่าว
นายสุทธิชัย หยุ่นกล่าวว่า ตำแหน่งของนายปานปรีย์ในคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมานั้น นายปานปรีย์เป็นประธานเนื่องจากตำแหน่งรองนายกฯ ไม่ใช่ รมว.กต. เพราะปกติ รมว.กต. จะไม่สามารถนั่งตำแหน่งประธานได้
ซึ่ง รศ.ดร.ปณิธานระบุว่านี่จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดอันหนึ่ง เนื่องจากการมีรองนายกฯ กำกับดูแลงานนั้นทำให้การทำงานมีความคืบหน้า ซึ่งในวันนี้ไม่มีแล้ว อีกทั้งก่อนนี้มีการเตรียมการจัดตั้งคณะอนุกรรมการลงมากำกับดูแลงานรายละเอียด แต่การลาออกในครั้งนี้ทำให้เรื่องดังกล่าวหยุดชะงักไป ต้องรอไปก่อน แต่สถานการณ์ทุกวันนี้มันไม่รอ
“ความชะงักงันตรงนี้ ถ้าไม่รีบดำเนินการ เดือนนี้จะเห็นปัญหาตามมาเต็มไปหมด” รศ.ดร. ปณิธานกล่าว และกล่าวต่อว่ารัฐบาลเมียนมาขอการสนับสนุนจากจีนในการตอบโต้ฝ่ายต่อต้านกลัว จริง ๆ รมว.กต. ได้ต้องต่อสายคุยกับจีน ขอรายละเอียดที่หารือกับเมียนมา เพื่อการเตรียมการรับมือให้ทัน เรื่องนี้จะให้ปลัดกระทรวงทำก็ไม่ได้ นายสุทธิชัยกล่าวว่าถึงนายกรัฐมนตรีจะโทรไปเอง แต่ปัญหาคือนายกฯ ติดตามสถานการณ์แค่ไหน
รศ. ดร. ปณิธานกล่าวว่าที่ผ่านมา เหตุผลที่ไทยเอาชนะมาได้ในทุกสมรภูมิ ถึงจะไปอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายที่แพ้ก็ยังสามารถพลิกกลับมาชนะได้ เพราะว่าเราได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า (Advance Warning) ในเรื่องสำคัญจากเพื่อนเสมอ
หากจีนจะหนุนทหารเมียนมาให้โจมตีกลับเพื่อบีบให้ กะเหรี่ยงออกมาจากรัฐฉาน เราจะต้องรู้ก่อนเพื่อเตรียมตัวให้ดี และจะต้องมีปฏิบัติการบางอย่างเพื่อการกดดันคู่ขนานกันไป หรือตั้งรับให้ดี เพื่อการควบคุมทิศทางให้ได้ ผลักให้สถานการณ์ออกห่างจากเราให้มากกว่านี้
รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในการประชุมนั้น ฝ่ายปฏิบัติงานฟังนโยบายจากนายปานปรีย์มาโดยตลอด และพร้อมที่จะปฏิบัติตามในทันทีเพื่อความปลอกภัยของคนไทยทั้งประเทศ แต่ในวันนี้ รัฐมนตรีไม่อยู่แล้ว จะทำอย่างไร?
“เราก็นึกว่าอาทิตย์หน้าจะเห็นแล้วว่าเราจะรุกเข้าไป ทำแนวป้องกันให้คนไทยปลอดภัยกว่านี้ แล้วก็เข้าไปเพื่อที่จะชี้นำสถานการณ์ต่าง ๆ บ้าง” รศ.ดร. ปณิธานกล่าว