
จับมือแข่งจีน Ford-GM จะพิจารณาความร่วมมือลดต้นทุน EV เพื่อให้สู้กับรถค่ายจีนอย่าง BYD ได้
ผู้บริหารระดับสูงของ ฟอร์ด (Ford) และเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) 2 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐฯ เผยเมื่อวันพฤหัสบดี (15 ก.พ.) ว่าพวกเขาจะพิจารณาความร่วมมือเพื่อลดต้นทุนเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่บริษัทคู่แข่งจากจีนบุกตลาดสหรัฐฯ และยุโรป
“หากมีวิธีที่เราสามารถร่วมมือกับบริษัทอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการวิจัยและพัฒนารวมถึงด้านเงินทุน เราก็เต็มใจที่จะทำ” แมรี บาร์รา ซีอีโอของ GM กล่าวกับนักลงทุนในการประชุมที่สนับสนุนโดย Wolfe Research
ขณะที่ จิม ฟาร์ลีย์ ซีอีโอของ Ford เปิดประตูสู่ความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นเพื่อลดต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ EV ในระหว่างการนำเสนอแยกต่างหากในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสอง และผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติตะวันตกเจ้าอื่นๆ อยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจาก BYD และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดรายอื่นๆ จากจีน ที่กำลังเร่งการส่งออกรถยนต์ไปยังยุโรป ละตินอเมริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าว Nikkei รายงาน เมื่อต้นสัปดาห์ว่า BYD กำลังพิจารณาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แห่งใหม่ในเม็กซิโก เพื่อเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปยังสหรัฐฯ
“หากคุณไม่สามารถแข่งขันอย่างยุติธรรมและตรงไปตรงมากับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนได้ ในช่วงหลายปีข้างหน้ารายได้ 20%-30% ของคุณก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง” ฟาร์ลีย์ กล่าวพร้อมเสริมว่า ปีที่แล้ว 25% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ขายในเม็กซิโกมีแหล่งที่มาจากจีน
Ford คาดการณ์ว่าภาคธุรกิจ EV ของบริษัทจะขาดทุน 5-5.5 พันล้านดอลลาร์ (180-198 ล้านดอลลาร์) ในปีนี้
ฟาร์ลีย์ กล่าวว่า Ford ได้เปิดตัวทีม “skunk works” ซึ่งแยกออกจากการดำเนินงานด้านวิศวกรรมหลักของบริษัท เพื่อออกแบบรถยนต์ EV ขนาดเล็กราคาประหยัด ที่สามารถแข่งขันกับ BYD Seagull และกำลังประเมินกลยุทธ์ด้านแบตเตอรี่ด้วย
ฟาร์ลีย์ ยังกล่าวด้วยว่า BYD สามารถผลิตรถ EV รุ่น Seagull ในราคา 9,000-11,000 ดอลลาร์ (325,076-397,315 บาท) ในด้านวัสดุ ขณะที่ ร็อด ลาเช่ นักวิเคราะห์ของ Wolfe Research ประเมินว่าต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตสัญชาติจีนต่ำกว่าต้นทุนของผู้ผลิตรถยนต์ชาติตะวันตกถึง 30%
บาร์รา ซีอีโอของ GM คาดการณ์ว่า ภาคธุรกิจ EV ในอเมริกาเหนือน่าจะถึงจุดคุ้มทุน (Break Even) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากสามารถบรรลุอัตราการผลิตต่อปีที่ 200,000-300,000 คัน และยังคงได้รับประโยชน์จากเงินอุดหนุน EV ของรัฐบาลกลางภายใต้กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act)
ในประเทศจีน บาร์รา กล่าวว่า GM จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดรถไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม เนื่องจากผู้ผลิตจีนกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มตลาดหลัก
(1 ดอลลาร์ = 36.12 บาท)