“มี 25 เสียงนี่ ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวนะ บัญชีรายชื่อ 3 คนเท่านั้นเอง แม้กระทั่งภาคใต้ยังแพ้พรรคท่านพลเอกประยุทธ์ เราก็ต้องประมาณตัวเอง รู้ตัวว่าคนเลือกเราน้อยแค่ไหน ถ้ารู้สถานการณ์ รู้ความจริงอย่างนี้แล้วก็ต้อง คิดในทางบวกว่าจะต้องได้คนประเภทใดมาแก้ปัญหา” – ชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 6 ก.ค. 66

วันนี้ (6 ก.ค. 66) นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวที่รัฐสภา โดยมีช่วงหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ วันที่ 9 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งนายชวนได้แหย่กลับว่า “มาเพื่อจะถามเรื่องนี้ใช่มั้ย ?” ก่อนที่จะตอบว่าขอให้มาถามช่วงใกล้ ๆ เนื่องจากไม่ต้องการสร้างข้อขัดแย้งโดยไม่จำเป็น ให้เกียรติทุกคน

นายชวนกล่าวต่อว่ามีหลายคนเข้ามาสมัคร ทั้งที่เข้ามาติดต่อส่วนตัว และติดต่อคณะกรรมการ อีกทั้งยังติติงสมาชิกพรรคบางท่านที่ออกมาให้สัมภาษณ์ ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่สบายใจ 

“อย่าไปพูดอะไรเลย เพราะถึงเวลา ผู้ที่พร้อมหรือผู้ที่อยากสมัคร เค้าไม่อยากออกมาพูดอะไรก่อนล่วงหน้า ยกเว้นท่านอลงกรณ์ ซึ่งท่านก็สมัคร ครั้งนี้ครั้งที่ 2 ที่ 3 แล้วครับ ซึ่งท่านก็สมัครอยู่ เพราะฉะนั้นก็ ปล่อยให้แต่ละท่าน เอาไว้แสดงในวันโน้น ผมก็ไม่ไปล่วงล้ำเกินไปกว่านี้ครับ” นายชวนกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในขณะที่ทางพรรคประชาธิปัตย์กำลังรวบรวมความคิดเห็นที่หลากหลายอยู่ แต่การที่สมาชิกพรรคบางท่านออกมาแสดงความเห็นในพื้นที่ของตัวเอง แบบนี้ จะทำให้เกิดปัญหาในวันที่ 9 ก.ค. ด้วยหรือไม่ ?” ซึ่งคุณชวนตอบว่า

“มันก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัว มันมี 25 เสียงนี่ ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวนะ บัญชีรายชื่อ 3 คนเท่านั้นเอง ได้มาคะแนนบริสุทธิ์ 9 แสนกว่าเสียง (คะแนนบัญชีรายชื่อ) แม้กระทั่งภาคใต้ยังแพ้พรรคท่านพลเอกประยุทธ์เลย เพราะฉะนั้นผมว่า เราก็ต้องประมาณตัวเอง รู้ตัวว่าคนเลือกเราน้อยแค่ไหน ถ้ารู้สถานการณ์ รู้ความจริงอย่างนี้แล้วก็ต้อง คิดในทางบวกว่าจะต้องได้คนประเภทใดมาแก้ปัญหา

แต่เหนือสิ่งใด พรรคตั้งมา 77 ปี ย่างเข้าปีที่ 78 ความเชื่อเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตไม่ควรจะหายไป ความเชื่อเรื่องการเลือกตั้งสุจริต ความเชื่อเรื่องไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ไม่โกงเลือกตั้ง ไม่อะไรต่าง ๆ  ไม่ควรจะเลือนหายไป แม้ว่าสื่อจะมองเรื่องนี้น้อยลงแล้ว ถึงขั้นมีคนส่งไลน์มาให้ผม สื่อบอกว่าถ้ายังมัวแต่คิด ไม่โกงไม่กิน ไม่สิ้นชาติ มันหมดยุคแล้ว 

พูดง่าย ๆ ยุคนี้เค้าไม่สนใจเรื่องอย่างนี้แล้ว ใครชนะเลือกตั้งแล้วจบ ไม่สนใจว่าซื้อมาหรือเลือกตั้งสุจริต คือถ้าความเชื่ออย่างนี้ยังอยู่ ประชาธิปไตย 91 ปี ก็ เกือบจะพูดได้ว่าเราไม่ได้ไปสู่เป้าหมายของอุดมคติ

ผมคิดว่า เหนือสิ่งอื่นใด ประชาธิปัตย์ดำรงสิ่งนี้มายาวนาน ถึง 77 ปี เพราะฉะนั้นควรจะรักษาไว้ต่อไป ผู้นำพรรคที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เราก็หวังว่าเค้าจะได้ทบทวนเรื่องอุดมคติของพรรคที่จะประกาศไว้”