“ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมบอกได้เลยว่า เพื่อไทยไม่มีทางจับมือกับก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล แต่เราคิดผิด เพราะยิ่งเราจับมือกัน ยิ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เราเกิดก่อน เรามีประสบการณ์ แล้วเราจะเอาหัวไปชนฝา ทำให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเสียหายไป เราไม่ทำ สิ่งที่ดีที่สุด คือจับเอาดุลอำนาจที่มีอยู่ในประเทศนี้ มาประนีประนอมอำนาจ ให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติสูงสุด” – ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย , 22 ส.ค. 66

วันนี้ (22 ส.ค. 66) ในระหว่างการปภิปรายในรัฐสภา เกี่ยวกับคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี (ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในภายหลัง) นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ลุกขึ้นอภิปราย ชี้แจงถึงเหตุผลที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเหตุผลที่ต้องร่วมมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลก่อนหน้านี้ว่า…

จุดยืนของพรรคเพื่อไทย เราต้องนำเรื่องนี้มาคิดหนัก จริงอยู่ครับ เรายินดีและส่งเสริมอำนาจประชาชน เราเห็นด้วยอย่างยิ่งที่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เราเป็นพรรคอันดับ 2 141 เสียงเรายินดีครับ ไปจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาล

ท่านประธานครับ ด้วยความเคารพท่านประธานจริง ๆ ฮะ ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมบอกกับท่านประธานเลยก็ได้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีทางจับมือกับพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล เรารอครับ เราเป็นพรรคอันดับ 2 เราสามารถที่จะแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลได้ ถ้ากลไกการเมืองและรัฐธรรมนูญมันเป็นปกติ

แต่ด้วยสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญอย่างนี้ เราไม่ร่วมมือกันไม่ได้ เราก็คิดผิดครับ เราคิดผิด เพราะยิ่งเราจับมือกัน ยิ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ไทยรักไทย พลังประชาชน เราหัวชนฝามา เราเจ็บครับ เราเกิดก่อน เรามีประสบการณ์ แล้วเราจะเอาหัวไปชนฝา ทำให้ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนเสียหายไป เราไม่ทำนะครับ

 สิ่งที่ดีที่สุด เราหันหน้ามา ฐานอำนาจ ดุลอำนาจที่มีอยู่ในประเทศนี้ ดีที่สุดคือจับเอาดุลอำนาจ มาประนีประนอมอำนาจ และให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองให้สูงสุด ผมว่านั่นน่าจะเป็นแนวคิดที่ดีสุดในโอกาสนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ เราต้องปกป้องคุ้มครองสถาบันหลักของชาติ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์

ท่านประธานครับ ทุกคนพูดเหมือนกันครับ แต่วิธีการทำไม่เหมือนกันโดยเฉพาะวิธีการที่มีความคลางแคลงสงสัยเนี่ย ในชาตินี้เนี่ย มันทำให้เกิดความขัดแย้ง ฉะนั้นเพื่อไทยอาสาเข้ามาสลายความขัดแย้งตรงนี้ จัดตั้งรัฐบาลในนามของทุกฝ่ายที่สามารถร่วมมือกันได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของรัฐบาลที่มาจากพี่น้องประชาชน