
‘ชีลี’ กับเศรษฐกิจเสรีนิยมใหม่ ลด-ละ-เลิก สวัสดิการสังคมที่มากไป จนกลายเป็น ‘ชาติที่มีรายได้สูง’
ในปัจจุบัน แนวคิดเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจและการส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนในประเทศได้มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก ในฐานะแนวคิดทางเศรษฐกิจที่ถูกพิสูจน์ว่า สามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ในหลายกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจชะงักงันในช่วงทศวรรษ 70 และทำให้เกิดยุคโลกาภิวัตน์ในช่วงเวลาต่อมา
และประเทศแรกของโลกที่ได้ลองผิดลองถูกในการนำแนวคิดเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจมาใช้ในการบริหารประเทศ คือ ประเทศชิลี ซึ่งมีจุดที่มีความสนใจหลายจุด ณ ที่นี้ อย่างแรกคือ ก่อนที่จะนำแนวคิดเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจมาใช้ ชิลีเคยใช้แนวคิดสังคมนิยมทางเศรษฐกิจและการเน้นบทบาทของภาครัฐในทางเศรษฐกิจซึ่งนำไปสู่ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจผ่านวิกฤตเงินเฟ้อครั้งใหญ่
และอย่างต่อไปคือ คณะบุคคลที่นำแนวคิดเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจมาใช้งานจริง มักถูกเรียกว่า ชิคาโกบอย ซึ่งเป็นคณะที่จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาและได้รับอิทธิพลแนวคิดใหม่ที่ไม่เคยมีประเทศใดก่อนหน้าที่นำมาใช้มาก่อน
ซึ่งก็คือ แนวคิดเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจ ที่ลดการแทรกแซงเศรษฐกิจของภาครัฐ อันประกอบด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ไม่สร้างผลกำไรให้เป็นของเอกชน การลดภาษี การตัดรายจ่ายภาครัฐที่ไม่มีความจำเป็น การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมภาคเอกชน การรักษาวินัยการเงินอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจเพื่อเอื้อให้เกิดการไหลเวียนของระบบเศรษฐกิจอย่างอิสระ
นอกจากนี้ยังมีการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศเพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ต้องบอกก่อนว่า ในช่วงสมัยนั้น แนวคิดทางเศรษฐกิจที่มักมีอิทธิพลในประเทศทุนนิยมเสรีและประเทศสังคมนิยม คือ แนวคิดการแทรกแซงเศรษฐกิจจากภาครัฐหรือการให้ภาครัฐเป็นผู้มีบทบาทในทางเศรษฐกิจ โดยในประเทศสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์แบบเต็มขั้น ภาครัฐจะมีบทบาททางเศรษฐกิจทุกอย่าง
ส่วนในประเทศทุนนิยมเสรีส่วนใหญ่นั้น ภาครัฐได้ยกระดับบทบาทเป็นผู้ที่มีบทบาทหลักในทางเศรษฐกิจและใช้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐเพื่อทำให้กำลังซื้อในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากการซบเซาครั้งใหญ่จากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ค.ศ.1929 และทำให้แนวคิดรัฐแทรกแซงเศรษฐกิจแพร่หลายในกลุ่มประเทศประชาธิปไตยเป็นจำนวนมากด้วยความเชื่อที่ว่า สามารถแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และยุคการฟื้นฟูความเสียหาย สิ้นสุดลง ที่นำไปสู่ยุคทองทางเศรษฐกิจของประเทศทุนนิยมหลายประเทศ โดยการใช้กลไกกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง แต่จุดเสียหายของแนวคิดทางเศรษฐกิจรูปแบบนี้ คือ ได้มีการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอย่างต่อเนื่องและจริงจังในระยะเวลาที่นานเกินไปมาก และได้สร้างภาระทางการเงินมหาศาลต่อประเทศ
โดยเฉพาะหากเม็ดเงินในประเทศที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้รั่วไหลสู่ภายนอกเป็นจำนวนมาก ก็จะเป็นการสร้างสภาวะของการขาดดุลทางการเงินและการคลังภายในประเทศจากแนวคิดทางเศรษฐกิจนี้ ซึ่งได้ส่อเค้าถึงภาวะถดถอยทางการเงินในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายทศวรรษ 60 ท่ามกลางการลงทุนมหาศาลในสงครามเวียดนาม
และเมื่อถึงทศวรรษ 70 การขาดดุลทางการเงิน ภาระทางการเงินมหาศาล และภาวะเงินเฟ้อได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องยกเลิกมาตรฐานทองคำในช่วงเวลาต่อมา จากการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจในรูปแบบนี้
ชิลี ในช่วงก่อนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจก็เช่นกัน ที่ประสบปัญหากับภาวะเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ที่หนักกว่าสหรัฐอเมริกา คือรัฐบาลชิลีในขณะนั้น เป็นรัฐบาลคอมมิวนิสต์แรกที่มาจากการเลือกตั้ง และมีนโยบายที่จะทวงคืนอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหมืองทองแดงกลับมาเป็นของรัฐ
รวมทั้งมีการริเริ่มนโยบายสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ หลายนโยบาย ซึ่งคือการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลไกของรัฐสวัสดิการเข้มข้นที่ใช้เม็ดเงินของภาครัฐเป็นจำนวนมาก และมีผลตามมาคือ การเกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและการเสื่อมถอยของขีดความสามารถทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม เหตุผลสำคัญที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์หัวใหม่ได้เข้ามามีบทบาทในทางเศรษฐกิจหลังจากนั้น คือ การสนับสนุนการรัฐประหารรัฐบาลคอมมิวนิสต์โดยสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการป้องปรามลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ให้แพร่หลายไปมากกว่านี้ และสนับสนุนให้ผู้นำฝ่ายทหารเข้ามาบริหารประเทศแทน ซึ่งก็ได้มีปราบปรามอุดมการณ์สังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ อย่างรุนแรง ตามนโยบายของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น
ในอีกทางหนึ่ง รัฐบาลทหารใหม่ก็ได้มีการริเริ่มการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อลดภาระทางการเงินจากดำเนินนโยบายแทรกแซงเศรษฐกิจของรัฐบาลก่อนหน้า สร้างเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งทำให้ระบบเศรษฐกิจกลับมามีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวอย่างอิสระอีกครั้ง ตรงนี้จึงทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์หัวใหม่ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามากำกับดูแลนโยบายด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่นี้ มีทั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่ขาดทุนและเป็นภาระทางการเงินมหาศาล การเปิดกว้างทางเศรษฐกิจผ่านการลดข้อจำกัดทางเศรษฐกิจและการเจรจาข้อตกลงทางการค้าต่าง ๆ
การลดทอนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะโครงการรัฐสวัสดิการเข้มข้น การลดภาษี การควบคุมการใช้จ่ายภาครัฐอย่างเข้มงวด รวมทั้งการปรับบทบาทของภาครัฐจากเดิมที่มักเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในทางเศรษฐกิจให้กลายเป็นผู้กำกับดูแลเต็มรูปแบบ
ผลที่เกิดจากการลองผิดลองถูกทางนโยบายได้ทำให้ในช่วงแรก ชิลีได้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและผลข้างเคียงขนานใหญ่จากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจใหม่ อย่างวิกฤตฟองสบู่เศรษฐกิจ ปัญหาการว่างงานในระดับสูง การล้มหายจากไปของอุตสาหกรรมในประเทศบางส่วนจากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่ง
ชิลีก็ได้เป็นประเทศเพียงน้อยนิดในภูมิภาคอเมริกาใต้ที่รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เกิดจากการดำเนินนโยบายแบบรัฐแทรกแซงเข้มข้นและกลายเป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูง จากการดำเนินนโยบายเพื่อลดความยากจนโดยตรงในประเทศ ภายใต้รัฐบาลพลเรือนใหม่ ในช่วงทศวรรษ 90 เป็นต้นมา ซึ่งถือได้ว่า เป็นความสำเร็จของระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ได้ปักหลักในประเทศอย่างยาวนานหลังจากนี้
ดังนั้นแล้ว เหตุที่แนวคิดทางเศรษฐกิจอย่างเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจได้นำมาใช้งานจริง ในชิลีช่วงทศวรรษ 70 นั้น เกิดจากการสนับสนุนของสหรัฐอเมริกาในฐานะตัวแปรหลักในการโค่นล้มรัฐบาลเดิมที่มีหัวคอมมิวนิสต์ และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลเก่าได้ก่อไว้ จึงเป็นการเปิดทางให้เกิดการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจที่แทบไม่มีที่ไหนทำมาก่อนหน้านี้
ซึ่งต่อมา สนามทดลองของแนวคิดเศรษฐกิจใหม่จะกลายเป็นแบบอย่างสำคัญของการนำแนวคิดเศรษฐกิจใหม่เข้ามาใช้จริงในประเทศทุนนิยมเสรีชั้นนำส่วนใหญ่ในห้วงเวลาต่อมา ซึ่งจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของแนวคิดเสรีนิยมใหม่ทางเศรษฐกิจจากเป็นเพียงแนวคิดหนึ่งในมหาวิทยาลัยกลายเป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลสำคัญทางเศรษฐกิจในระดับโลกมาจนถึงปัจจุบัน
โดย ชย
อ้างอิง :
[1] Salvador Allende
https://www.biography.com/political-figures/salvador-allende
[2] What Pinochet Did for Chile
https://www.hoover.org/research/what-pinochet-did-chile
[3] Neoliberalism: the idea that swallowed the world
https://www.theguardian.com/news/2017/aug/18/neoliberalism-the-idea-that-changed-the-world
[4] The Miracle of Chile: A Case Study of Neoliberalism
https://www.friedmanomics.co.uk/post/the-miracle-of-chile-a-case-study-of-neoliberalism
[5] The Complicated Legacy of the “Chicago Boys” in Chile
https://www.promarket.org/2021/09/12/chicago-boys-chile-friedman-neoliberalism/