
อังกฤษเผยแผนแบนการสูบบุหรี่ โดยออกกฎหมายให้เยาวชนเข้าถึงบุหรีไฟฟ้ายากขึ้น รวมทั้งจำกัดรสชาติหรือการทำการตลาดด้านต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขในระยะยาว
ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศแผนแบนการสูบบุหรี่ในสหราชอาณาจักร โดยจะเพิ่มอายุการสูบบุหรี่ตามกฎหมายขึ้นอีกหนึ่งปี ทุกๆ ปี ซึ่งหมายความว่าผู้ที่มีอายุ 14 ปีในปัจจุบัน จะไม่มีวันที่สามารถซื้อบุหรี่ได้อย่างถูกกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมพรรคอนุรักษ์นิยมว่า รัฐบาลจะนำเสนอแผนการยุติการจำหน่ายบุหรี่สำหรับคนรุ่นต่อไป ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพโดยรวมของพลเมืองสหหราชอาณาจักร พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะปราบปรามการขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งแก่เยาวชน
“ผู้สูบบุหรี่ 4 ใน 5 คนเริ่มสูบบุหรี่ตอนที่พวกเขาอายุ 20 ปี ต่อมาพวกเขาส่วนใหญ่พยายามที่จะเลิกบุหรี่ แต่หลายคนล้มเหลวเพราะพวกเขาติดบุหรี่ โดยได้แต่นึกเสียใจที่เริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่แรก…. หากเราสามารถทำลายวงจรนั้น หากเราสามารถหยุดจุดเริ่มต้นได้ เราจะสามารถลดตัวเลขการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อย่างมีนัยสำคัญ”
“ผมเสนอให้รัฐบาลเพิ่มอายุการสูบบุหรี่ขึ้นทุกๆ 1 ปี นั่นหมายความว่าเยาวชนอายุ 14 ปีในปัจจุบันจะไม่มีวันที่สามารถซื้อบุหรี่อย่างถูกกฎหมาย” นายกฯอังกฤษ กล่าว
ปัจจุบัน อายุที่กฎหมายกำหนดในการซื้อบุหรี่และผลิตภัณฑ์ยาสูบอื่นๆ ทั่วสหราชอาณาจักรคือ 18 ปี ซึ่งเพิ่มจาก 16 ปีในปี 2550
ทั้งนี้ คาดว่าแผนดังกล่าวจะเป็นไปตามรูปแบบเดียวกันกับมาตรการที่บังคับใช้ในนิวซีแลนด์เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งห้ามการจำหน่ายยาสูบให้กับเยาวชนที่เกิดหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2552
นอกจากนี้ คาดว่าบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวจะถูกแบน เนื่องจากมีข้อกังวลว่าผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ากำลัง “วางแผนการตลาดมุ่งเป้าไปที่เยาวชน”
สตีฟ บาร์เคลย์ รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวว่า รัฐบาลจะจัดการกับความนิยมบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชน ด้วยการจำกัดรสชาติและเครื่องมือทางการตลาดอื่นๆ ที่ทำให้การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่น่าดึงดูดสำหรับคนหนุ่มสาว และการจำกัดการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตที่ป้องกันได้ในสหราชอาณาจักร โดยมะเร็งปอดคร่าชีวิตชาวอังกฤษกว่า 35,000 คนในแต่ละปี ซึ่งรัฐบาลระบุว่ามาตรการที่เสนอในครั้งนี้ จะช่วยรักษาชีวิตผู้คนได้นับหมื่นคน, ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 8.5 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 3.82 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2618
(1 ปอนด์ = 44.92 บาท)