
ไบเดน เตือนอิสราเอล สหรัฐฯ จะเลิกส่งมอบอาวุธทันที หากอิสราเอลบุกโจมตีเมืองราฟาห์ที่เต็มไปด้วยผู้ลี้ภัย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตือนอิสราเอลต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (8 พ.ค.) ว่าสหรัฐฯ จะระงับส่งมอบอาวุธให้อิสราเอลหากกองกำลังอิสราเดินหน้าโจมตีเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาอันเต็มไปด้วยผู้ลี้ภัย
“ผมประกาศชัดเจนว่า ถ้าพวกเขาเข้าไปในราฟาห์ ผมจะไม่จัดส่งอาวุธที่ในอดีตเคยถูกใช้จัดการกับราฟาห์และเมืองต่าง ๆ” ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับ CNN
คำพูดของไบเดน ถือเป็นคำประกาศที่แข็งกร้าวที่สุดในความพยายามที่จะยับยั้งไม่ให้อิสราเอลเดินหน้าบุกราฟาห์ ในขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำความแตกแยกที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรที่แน่นแฟ้นที่สุดในตะวันออกกลาง
ไบเดน ยอมรับว่าอิสราเอลได้ใช้อาวุธของสหรัฐฯ เพื่อสังหารพลเรือนในฉนวนกาซา ระหว่างปฏิบัติการโจมตีเพื่อทำลายล้างกลุ่มฮามาสที่ยืดเยื้อมานานกว่า 7 เดือน ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขกาซา ระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์ถูกสังหารไปแล้วกว่า 34,789 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์-อิสราเอลครั้งล่าสุดปะทุขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. 2023
“พลเรือนที่ถูกสังหารในกาซาเป็นผลจากระเบิดเหล่านั้นและวิธีการอื่นๆ ในย่านชุมชน” ไบเดน กล่าว เมื่อถูกถามถึงระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ที่สหรัฐฯ ส่งให้อิสราเอล
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐได้ตรวจสอบการส่งมอบอาวุธที่อาจถูกนำไปใช้ในราฟาห์อย่างรอบคอบแล้ว และด้วยเหตุนี้จึงมีการระงับการส่งมอบระเบิดหนัก 2,000 ปอนด์ จำนวน 1,800 ลูก และระเบิดหนัก 500 ปอนด์จำนวน 1,700 ลูก
ด้านกีลาด เออร์ดัน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ ประณามการตัดสินใจของวอชิงตันในการเลื่อนการส่งมอบอาวุธออกไปว่า “เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังมาก” แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อว่าสหรัฐฯ จะหยุดส่งอาวุธให้อิสราเอลก็ตาม
อิสราเอลเปิดฉากโจมตีเมืองราฟาห์ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ลี้ภัยมากกว่าหนึ่งล้านคนในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ปธน.ไบเดน ไม่ถือว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นการโจมตีเต็มรูปแบบ เนื่องจากอิสราเอลไม่ได้โจมตีย่านชุมชน