“กฎหมายเนี่ยท่านเขียนยังไงก็แล้วแต่ มันนำไปสู่การปฏิวัติได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องสันดานล้วน” – อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี, เวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR”, 2 พ.ค. 66

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ร่วมเสวนาบนเวที “สงคราม 9 พรรค THE LAST WAR” ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้า สยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม และตอบคำถามในหมวดการเมืองที่ถามว่า “คนทำรัฐประหารต้องถูกเอาผิดย้อนหลังหรือไม่ ถ้าเกิดรัฐประหารขึ้นอีก พรรคของท่านจะมีจุดยืนอย่างไร”

ซึ่งนายอรรถวิชช์ตอบว่า 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสันดานล้วนๆ นะครับ

กฎหมายเนี่ยท่านเขียนยังไงก็แล้วแต่ มันนำไปสู่การปฏิวัติได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องสันดานล้วนอย่างที่ผมบอก ทหารในต่างประเทศในสหรัฐอเมริกาก็มีประเด็นการโต้แย้งแบบนี้ เค้ายับยั้งเหตุไม่ได้ก็ตำรวจมา ทหารเข้า แต่เขามาแล้วเขากลับ ของเรามาแล้วไม่กลับ นี่คือวัฒนธรรมการการเมืองที่ผิดครับ 

ยึดอำนาจเสร็จเรียบร้อย ไม่กลับบ้าน สิ่งที่สำคัญคือข้าราชการประจำ เนติบริกรก็ทำอยู่เป็นเนืองนิจหลาย 10 ปีที่ติดอยู่ในวังวนแบบนี้ จบซะทีครับ 

ในชีวิตการเมืองผม ผมไม่เคยทำงานกับลุงครับ สอง ลุงผมไม่เคยทำด้วย เพราะท่านทำปฏิวัติมา ผมอยากจะพาท่านไปแบบนี้นะครับ 

ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ไปเป่านกหวีด เพราะผมเชื่อว่า พรบ. นิรโทษกรรมออกไม่ได้มันโกง แต่ผมไม่ได้เรียกคนมาปฏิวัติ ตอนที่มาแล้วไม่กลับเนี่ยนะ เป็นสิ่งที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน แล้วการเอา ส.ว. แต่งตั้ง ที่ทหารแต่งตั้ง มาเลือกนายกรัฐมนตรีคราวนี้ ก็เป็นเรื่องที่บัดซบที่สุดในวงการประชาธิปไตย

ผมบอกแค่นี้นะครับ ทั้ท่าน ส.ว. หลายท่านเป็นคนที่ผมเคารพรัก และเป็นแค่การผู้ใหญ่ด้วย ขอให้ปิดสวิตช์ตัวเองในคราวนี้ พรรคไหนที่เค้าได้เสียงข้างมาก ให้เขาได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ครรลองประชาธิปไตยมันเริ่มจากวันนี้เป็นต้นไปครับ 

การหยุดรัฐประหารได้ คือสิ่งที่พวกเราต้องร่วมแรงร่วมใจกันล่ะครับ ทุกพรรคการเมืองถ้าเราร่วมแรงร่วมใจกันเราหยุดการทำแบบนี้ได้ในอนาคต ผมอยากเห็นประชาธิปไตย จากนี้ไปเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เลือกตั้งคราวนี้วันที่ 14 ชี้วัดกันครับ กราบขอบพระคุณครับ”