Articlesเปิดโปง ‘ป่ารอยต่อ’ ผิดตรงไหน? รีวิวหมายจับ ‘โรม รังสิมันต์’ มีการกลั่นแกล้งหรือไม่?

เปิดโปง ‘ป่ารอยต่อ’ ผิดตรงไหน? รีวิวหมายจับ ‘โรม รังสิมันต์’ มีการกลั่นแกล้งหรือไม่?

เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ก็ได้เป็นประเด็นดราม่าทางการเมืองอันร้อนแรงอีกครั้งกับกรณีที่ ส.ส. Rangsiman Rome – รังสิมันต์ โรม บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลได้ถูกออกหมายจับข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กรณี #มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อต้นปี 2563

ส.ส.รังสิมันต์ ได้กล่าวหาผ่านเฟซบุ๊คของตัวเองว่า การออก #หมายจับ ตนนั้นเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต้องการกลั่นแกล้งเขาที่ไปอภิปรายเรื่องมูลนิธิป่ารอบต่อ ฯ นอกจากนั้นยังอ้างว่ามีการเร่งคดีที่จะดำเนินคดี โดยการบีบตำรวจชั้นผู้น้อยให้ดำเนินคดีกับเขา เพื่อที่จะสั่งขังเขาและร้องต่อศาลรัฐธรรมนญ เพื่อตีความให้หลุดพ้นจากความเป็น ส.ส.

ในแง่ข้อกฎหมาย ทั้งตัว #รังสิมันต์ รวมถึงเพจ #iLaw [1] #พรรคก้าวไกล [2] แม้กระทั่งปริญญา เทวานฤมิตรกุล Prinya Thaewanarumitkul [3] อาจารย์ประจำ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่อยู่ฝ่ายม็อบตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็พร้อมใจกันออกมาแก้ตัวว่าต่าง ๆ นานา ที่การออกหมายจับนั้นไม่ชอบเพราะไม่มีเหตุผลเพียงพอในการออกหมายจับ และการออกหมายเรียกในครั้งแรกนั้นไม่ชอบเพราะออกมาในสมัยประชุมรัฐสภาจึงได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 และรังสิมันต์มีข้อแก้ตัวอันควรในการไม่ไปตามหายเรียกครั้งที่สอง

ถึงอย่างไรก็ดีทางเพจ The Structure ได้ไปตรวจสอบทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมาแล้วพบว่า มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงรวมถึงการจงใจละไม่พูดถึงข้อกฎหมายบางข้อด้วยจากพวกเขา ซึ่งทางเพจจะหักล้างข้อกล่าวหาและอธิบายข้อกฎหมายตามประเด็นดังนี้

ข้ออ้างเรื่องการออกหมายจับนั้นไม่ชอบ

ก่อนอื่นเลย จะดูว่าชอบหรือไม่ก็ต้องไปดูก่อนว่าหลักกฎหมายที่ระบุไว้เขาว่ายังไง ซึ่งระบุไว้ใน #ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 ว่าเหตุที่จะออกหมายจับได้มีดังต่อไปนี้

(1) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้ทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี หรือ
(2) เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้ทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น

ถ้าบุคคลนั้นไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือไม่มาตามหมายเรียกหรือตามนัดโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าบุคคลนั้นจะหลบหนี”

ตามหลักที่วางไว้นั้น จะเห็นว่ามี2 เหตุเท่านั้นที่ให้ออกหมายจับได้ โดยเข้าแค่เหตุเดียวตามอนุมาตรา 1หรือ 2 นี้ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นแม้โทษจำคุกอย่างสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 เรื่องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จะต่ำกว่าสามปีไม่เข้าตาม(1) ก็ยังออกหมายจับได้ตาม(2) ดังนั้นตามประเด็นในคดีนี้หากเข้าเกณฑ์(2) ว่า “น่าจะได้ทำความผิดอาญาและมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี” สองประการนี้ก็ออกหมายจับได้ ซึ่ง ในวรรคสองของมาตรานี้ก็ยังได้ขยายเพิ่มว่า หากไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ให้สันนิษฐานว่าจะหลบหนี

ในทางปฏิบัติเจ้าพนักงานมักจะออกหมายเรียกสองครั้งก่อนเพื่ออ้างได้แน่ชัดว่ามีเหตุอันสมควรจะหลบหนี ถึงอย่างไรก็ดี พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร เคยได้ให้ความรู้ในการออกหมายจับในคดีหนึ่งว่า การที่ผู้ถูกเรียกขอเลื่อนไม่มารับทราบข้อกล่าวหานั้นในหมายเรียกครั้งแรกนั้นเป็นสิทธิที่ทำได้ตามกฎหมาย แต่หากตำรวจออกหมายเรียกในครั้งที่สองแล้วยังไม่มาอีกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควร ก็สามารถขอหมายจับได้เลย และการประสานเพื่อขอเลื่อนพนักงานสอบสวนไปก่อนแต่สุดท้ายก็ไม่ได้นัดว่าจะไปวันไหนกันแน่ เจ้าพนักงานจะเห็นว่าไม่ให้ความร่วมมือและมีการใช้ช่องโหว่ในทางกฎหมายเพื่อดึงเวลา [4]

นายรังสิมันต์โกหกว่าอยู่ในระหว่างสมัยประชุมเมื่อมีการออกหมายเรียกครั้งแรก
นี่ก็เป็นประเด็นที่มีการบิดเบือนและโกหกครั้งใหญ่ โดยส.ส.รังสิมันต์อ้างว่าไม่ได้ไปตามหมายเรียกในครั้งแรก ตามวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เพราะขณะนั้นอยู่ระหว่างสมัยประชุมจึงได้ความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ไม่ให้ออกหมายเรียกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างสมัยประชุม จึงเป็นข้อแก้ตัวอันควร ตามมาตรา 66 แต่ในความเป็นจริงแล้ว หมายเรียกนั้นลงวันที่ 12 มีนาคม 2563 ให้ไปรายงานตัวในวันที่ 23 มีนาคม 2563 ต่างหากตามภาพที่ให้ไว้ ซึ่งนี่ก็เป็นการเปิดเผยโดยนายรังสิมันต์ เองเลยเมื่อออกข่าวตอนช่วงปี 2563 โดยเขายังยอมรับอีกว่าเขาได้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ซึ่งไม่มีความคุ้มกันของสมาชิกรัฐสภา ส่งผลให้เขาต้องเดินทางไปรายงานตัวตามหมายเรียก [5] หมายเรียกดังกล่าวจึงมิได้เป็นการออกโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามข้ออ้างของอาจารย์ปริญญา พรรคก้าวไกล และรังสิมันต์เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงประชุมสภาตามที่บิดเบือน

ดังนี้นายรังสิมันต์ยังคงมีหน้าที่ต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่อยู่ตราบใดที่ยังไม่ได้ไป แต่ไม่ไปเพราะอ้างว่ามีหมายต้องไปศาลในคดีคนอยากเลือกตั้งในวันที่ 23 มีนาคม 2563 และอ้างว่าจะขอเลื่อนและหานัดเวลาว่างให้ตรงกันจนผ่านไปถึงปี 2565 ก็ยังไม่ได้ไป พฤติกรรมของรังสิมันต์จะถูกมองว่าเป็นการใช้ช่องโหว่ในทางกฎหมายเพื่อดึงเวลา ตามที่พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล อธิบายไว้ก็ไม่แปลก

กรณีหมายเรียกครั้งที่สองนั้น ได้ออกในวันที่ 5 มีนาคม 2565 โดยนัดให้มาที่ สน. ในวันที่ 11 มีนาคม 2565 ซึ่งไม่ใช่สมัยการประชุมสภาเช่นกัน และนายรังสิมันต์ก็ไม่ได้ไปอีกตามเคย โดยอ้างว่าติดภารกิจในฐานะ ส.ส. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเมื่อมันไม่ได้มีการต้องขึ้นศาลหรือไปประชุมสภาที่เลื่อนไม่ได้เพราะเป็นภารกิจที่กำหนดขึ้นมาเอง นายรังสิมันต์ถ้าให้ความร่วมมือจริงจะเลื่อนภารกิจตนเองไปก่อนก็ได้ มันจึงไม่เป็นข้อแก้ตัวอันควรอีกต่อไป จะเห็นว่านายรังสิมันต์นั้นไม่ไปตามหมายเรียกถึงสองครั้ง ดังนั้นจึงเข้าหลักตามมาตรา66 ทั้งทางกฎหมายและทางปฏิบัติในการออกหมายจับแล้ว

ส่วนข้อสันนิษฐานของอาจารย์ปริญญาที่อ้างว่าหักล้างได้ด้วยข้อเท็จจริงหรือการแสดงตนว่าไม่ได้หลบหนี และก็มีข้อแก้ตัวอันควรแล้วนั้น ข้อเท็จจริงตามilawพบว่าหมายจับได้มีการออกในวันที่ 15 มีนาคม 2565 ก่อนวันที่ 18 มีนาคม 2565 ที่รังสิมันต์ขอเข้ารายงานตัว โดยรังสิมันต์มีเวลาถึงสามวันก่อนการออกหมายจับ แต่ก็ไม่มารายงานตัว จึงถือว่าไม่ได้พิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานตามมาตรา66 ว่าจะไม่หลบหนี เจ้าพนักและศาลงานย่อมเชื่อได้ว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี เมื่อหมายจับออกมาแล้วจึงเป็นการออกโดยชอบแล้วนั่นเอง การเข้ารายงานตัวทีหลังไม่ได้ทำหมายจับที่ออกมาแล้วไม่ชอบ

นอกจากนี้ที่นายรังสิมันต์ กล่าวหามาทั้งหมดว่ามีการกลั่นแกล้ง เร่งคดี กดดันตำรวจผู้น้อยนั้นก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย คดีนี้ถ้าเร่งรัดจริงทำไม ถึงพึ่งมามีการออกมหายจับในปี 2565 ทั้ง ๆ ที่เป็นคดีปี 2563 และนายรังสิมันต์ อาจารย์ปริญญา ทั้ง ๆ ที่จบนิติศาสตร์แต่กลับไม่รู้ว่าการกล่าวหาใครว่าทำผิดต้องมีหลักฐานที่แน่ชัด แต่กลับไม่มีหลักฐานใด ๆ เลย นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของนักประชาธิปไตยโดยแน่แท้ ระวังจะได้โดนอีกคดีแล้วอย่าหาว่าไม่รู้กฎหมายละ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า