บทเรียนจากรัฐสวัสดิการของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย: สวัสดิการจะดีได้ ประเทศต้องมีเงิน
สวัสดิการแห่งรัฐของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ถือได้ว่า เป็นระบบรัฐสวัสดิการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นสวัสดิการที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านการศึกษา ให้เด็กสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานได้, การรักษาพยาบาล เพื่อให้ผู้รักษาไม่ต้องจ่าย ในราคาที่แพงจนเกินไป, การให้อำนาจแก่สหภาพแรงงาน ในการต่อรองกับนายจ้างเพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ และบริการขนส่งมวลชนที่เข้าถึงประชาชนทุกคนได้อย่างเท่าเทียม จึงมักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อเป็นข้อเปรียบเทียบกับประเทศไทยของเราอยู่บ่อยครั้ง
แต่จะอย่างไรก็ตาม “รัฐสวัสดิการ” ถือได้ว่าเป็นการให้บริการชนิดหนึ่ง ที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนเพื่อรับประกันคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า ต้องใช้เงิน และทรัพยากรบุคคล
และเมื่อย้อนกลับไปมองเบื้องหลังความสำเร็จของระบบสวัสดิการเหล่านั้น จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยที่สำคัญมาจาก “ความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจ” เป็นสำคัญ
ในช่วงทศวรรษ 1870 ถึง 1970 ถือได้ว่ากลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย เป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก อันเป็นผลมาจากการปฏิรูประบบเศรษฐกิจในระดับมหภาค ยกตัวอย่างเช่น การก่อตั้งธนาคาร การแปรรูปกิจการรัฐไปเป็นเอกชน และการลดกฎระเบียบทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการทำมาค้าขาย ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศแถบสแกนดิเนเวียมีอัตราความยากจน และการว่างงานที่ต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของสแกนดิเนเวียนี้เอง ที่ทำให้รัฐบาลมีงบประมาณมากเพียงพอที่จะสร้างสวัสดิการสุดหรูเหล่านี้เพื่อประชาชนของเขา
ความร่ำรวยของประเทศ ประกอบกับอิทธิพลของลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ที่ทำให้เกิดชุดความคิดว่า ควรมีการแบ่งปันทรัพยากรของประเทศเพื่อการโอบอุ้มคนจน และชนชั้นแรงงานให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม เป็นเหตุให้เกิดชุดความคิด “สังคมนิยมประชาธิปไตย” (Socialist Democracy) และถูกพัฒนาจนภายหลังถูกเรียกว่า “นอมาดิกโมเดล” (Nomadic Model)
ข้อดีของนอมาดิกโมเดล คือการความเท่าเทียมกันในสังคม ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนและคนรวยมีน้อย แต่ข้อเสียของการมีอัตราภาษีที่มากจนเกินไป และกฎหมายที่ผูกมัดภาคธุรกิจและนายทุน ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปได้ช้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ชาวสแกนดิเนเวียยังมีความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหานี้ร่วมกันได้ เพราะชาวสแกนดิเนเวียมีวัฒนธรรมที่สร้างคนขยัน และให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อการพัฒนาประเทศ
อย่างไรก็ดี วิกฤตเศรษฐกิจจากภายนอกในหลายครั้งได้สร้างปัญหาด้านการคลังของประเทศ ซึ่งรัฐบาลในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ตัดสินใจลดสวัสดิการสังคมของตนเองลงมา และประชาชนในประเทศให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ยินยอมลดสวัสดิการที่เคยมีลง และร่วมมือกันทำงานเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศขึ้นมาอีกครั้ง
จากบทเรียนของนอมาดิกโมเดลนี้ จะเห็นได้ว่าความสำเร็จของระบบสวัสดิการประเทศ เกิดขึ้นได้จากการมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และประชาชนในประเทศมีความขยันขันแข็ง ร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน
—
การมีสวัสดิการที่ดี หมายถึงการมีความมั่นคงในชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนแต่ปรารถนา อย่างไรก็ตาม การมีสวัสดิการหมายถึงการใช้เงินเพื่อการจัดสรรทรัพยากร ซึ่งตัวอย่างของสวัสดิการของกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย หรือนอมาดิกโมเดลนั้น ก็ได้พิสูจน์ถึงความสำคัญของการมีความมั่งคั่งของประเทศเพื่อการรองรับการมีอยู่ของสวัสดิการที่ดีในตัวเองแล้ว
สำหรับประเทศไทยของเราในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า สวัสดิการด้านสาธารณสุขของไทยมีการพัฒนาที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าจะการเพิ่มสิทธิของระบบประกันสุขภาพทั่วหน้า หรือบัตรทอง ที่ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ารับการบริการฟอกไตได้ฟรี หรือสวัสดิการด้านการศึกษาสำหรับครอบครัวที่ยากจน ผ่านการจัดตั้งกองทุนการศึกษาผู้ด้อยโอกาส เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาลง
ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้เนื่องจากความสามารถในการหารายได้ภาครัฐเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2557 อย่างต่อเนื่อง จนแม้ใน พ.ศ. 2562 ที่โลกเริ่มเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงักอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ปี พ.ศ. 2563 รัฐบาลยังมีรายได้สูงกว่าปี 57 อยู่ดี
ปัจจุบัน พ.ศ. 2565 รัฐบาลมีรายได้สุทธิ 2,605,821 ล้านบาท มากกว่า พ.ศ. 2557 527,173 ล้านบาท หรือ 25.36%
จากความก้าวหน้าในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการลงทุนในรัฐสวัสดิการของรัฐบาลนี้เอง ที่ทำให้ธนาคารโลกชื่นชมผลงานของรัฐบาลไทย ว่ามีนโยบายการคลังที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และสร้างสวัสดิการสังคมที่น่าชื่นชม พร้อมทั้งติติงว่า รัฐบาลไทยควรจะเพิ่มอัตราภาษีให้สูงขึ้น เพื่อหารายได้เข้ารัฐให้มากขึ้น อันจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการลงทุนด้านสวัสดิการแห่งรัฐที่มากขึ้น
ซึ่งนี่ไม่เพียงเป็นการชี้ให้เห็นว่าสวัสดิการแห่งรัฐของประเทศไทยได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้น แต่ยังเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ความมั่งคั่งของประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างรัฐสวัสดิการที่ดีนั่นเอง
—
ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ มีพรรคการเมืองหลายพรรคออกนโยบายเพื่อการหาเสียงดึงดูดใจประชาชน ซึ่งหลายพรรคออกนโยบาย “ว่าจะให้” สวัสดิการเพิ่มแก่ประชาชน ซึ่งประชาชนอย่างเราควรพิจารณาให้ดีว่าสวัสดิการเหล่านั้น จะต้องจัดสรรงบประมาณเท่าไร และที่สำคัญคือจะหาเงินจากไหนมาสนับสนุนการลงทุนด้านรัฐสวัสดิการ
รัฐสวัสดิการ หรือสวัสดิการแห่งรัฐ ในมุมเศรษฐศาสตร์ คือการลงทุนด้านสวัสดิภาพของสังคม และความมั่นคงในการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกคน
รัฐสวัสดิการที่ดี ต้องตอบโจทย์ความต้องการด้านเศรษฐกิจ กระตุ้นการสร้างโอกาสและความหวังในการแสวงหาความเจริญก้าวหน้าในชีวิต เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบเกิดการขับเคลื่อนพัฒนา
พวกเราประชาชนคนรุ่นใหม่ ควรพิจารณานโยบายสวัสดิการสังคมของแต่ละพรรคการเมืองให้ดี เลือกนโยบายที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเราและประเทศในระยะยาว มากกว่าการเลือกเพียงเพราะอยากได้ผลประโยชน์ส่วนตน จนละทิ้งผลประโยชน์ของชาติไป
โดย ศิราวุธ ภุมมะกสิกร และ ไกรศรณ์ กรุงเกษม
อ้างอิง
– Sanandaji, Nima (2015), “Scandinavian Unexceptionalism”, United Kingdom: Institute of Economic Affairs (IEA), https://iea.org.uk/wp-content/uploads/2016/07/Sanandajinima-interactive.pdf
– The Structure, “รายได้ของรัฐบาลย้อนหลัง 10 ปี พ.ศ. 2556 – 2565”, https://thestructure.live/รายได้ของรัฐบาลย้อนหลัง-10-ปี-พ-ศ-2556-2565/
– World Bank, “Thailand Economic Monitor: Fiscal Policy for a Resilient and Equitable Future”. https://documents1.worldbank.org/curated/en/099245012132249289/pdf/P1797380511f390920aab30472d7e1f8276.pdf?fbclid=IwAR1dyBMlEAILpZJUMZTvroT8RKZXuHRsAVqN23OUselMiL0dnX06uYBa1DY
ทำความรู้จักพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ที่นำทัพโดย แพทองธาร ชินวัตร(อุ๊งอิ๊ง) และ เศรษฐา ทวีสิน
“พาโลกป่าเถื่อนสู่อารยะ” แนวคิด ‘พันธกิจคนขาว’ ข้ออ้างการล่าอาณานิคมที่สืบทอดผ่าน NGOs
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม