เช็คดูอีกรอบว่านักการเมืองที่เราชอบเข้าข่ายปีศาจประชานิยม (Demagogue) บ้างหรือเปล่า?
26 สิงหาคม 1789 “ประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง” ถูกตีพิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยสภาแห่งชาติของฝรั่งเศส ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ทลายคุกบาสตีล (14 กรกฎาคม) บรรยากาศแรกเริ่มของฝรั่งเศสในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญเต็มไปด้วยความเป็นประชาธิปไตยที่สงบและสันติ เกิดกลุ่มการเมืองที่รวมตัวกันเป็นคลับ เพื่อแบ่งปันและพัฒนาแนวคิด อุดมคติที่ตนเชื่อมั่น และแนวคิดแต่ละชุด ต่างถูกนำไปถกเถียงกันในสภา เพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชนที่มาจากขุนนาง พระ หรือสามัญชน ต่างถกเถียงหารือร่วมกันอย่างเท่าเทียมในสภา
ทว่าในเวลาไม่กี่ปีให้หลัง แม็กซิมิเลี่ยน โรแบสปิแยร์ (Maximilien Robespierre) กลับสร้างตนเองขึ้นเป็นผู้นำ ปลุกปั่นมวลชนด้วยความกลัว ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสที่เคยสุขสงบเปลี่ยนปลายเป็นบ้าคลั่งไร้สติ ผู้คนต่างพากันฆ่ากันไปมา ในนามของ “เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ” คนแบบโรแบสปิแยร์นี้เองที่นักวิชาการเรียกว่า “เดมาก๊อก (Demagogue)”
พจนานุกรมภาษาอังกฤษ ฉบับมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ให้ความหมายของคำ “เดมาก๊อก” แบบกลาง ๆ ว่า “ผู้นำทางการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนโดยใช้การโต้แย้งตามอารมณ์มากกว่าเหตุผล” แต่ เจมส์ เฟนิมอร์ คูเปอร์ (James Fenimore Cooper) เขียนถึงใน “American Democrat (1838)” บท “On Demogogues” ว่า “เดมาก๊อก ความหมายที่สำคัญยิ่งของคำ ๆ นี้คือ ผู้นำฝูงสัตว์” เนื่องจาก เดมาก๊อกนั้น นำอารมณ์ด้านมืดของมนุษย์มาใช้หาผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเสมอ และมวลชนภายใต้การนำของเดมาก๊อกนั้น ป่าเถื่อน คลุ้มคลั่ง ไม่ต่างอะไรกับฝูงสัตว์เลย
ในปัจจุบัน ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศน์และสื่อโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เทคนิกของเดมาก๊อกกลายมาเป็น “อาวุธทางการสื่อสาร” ที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่งยวด
แล้วเราจะแยกแยะพวกเดมาก๊อกได้อย่างไร ?
การแยกแยะขั้นพื้นฐานของเจมส์ เฟนิมอร์ คูเปอร์ ซึ่งยังคงใช้ได้ดีจนปัจจุบัน บ่งชี้ลักษณะของพวกเดมาก๊อกไว้ดังนี้
- บอกว่าตนเองเป็นคนทั่วไปที่พยายามต่อสู้กับชนชั้นสูง (แบ่งแยกชนชั้น)
- พยายามใกล้ชิดประชาชนจนผิดสังเกต
- อาศัยความสนิทสนมกับประชาชนในการกอบโกยผลประโยชน์
- อาศัยมวลชนในการข่มขู่ทำลายกฎระเบียบ ล้มล้างกฎหมาย ทำลายสถาบันหลักของประเทศ
และลักษณะการสื่อสารของพวกเดมาก๊อกนั้นมักจะใช้วิธีเปรียบเทียบสิ่งที่แตกต่างกัน (apples and oranges) ความจริงครึ่งเดียว (half-truths) ความน่าเชื่อถือปลอมๆ (false authority) เสนอทางเลือกที่น่าลำบากใจสองทางปลอมๆ (false dilemma) การทำให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นปีศาจหรือสิ่งที่ชั่วร้าย (demonization) ยกประเด็นด้วยคำถามที่แฝงเร้นบางอย่าง (loaded question) ยกข้อเท็จจริงที่ไม่เกี่ยวมาพูด (unrelated facts) และสุดท้ายนิยมใช้กันมาก คือ การโจมตีในเรื่องส่วนตัว (personal attack)
โดยสรุปแล้ว เดมาก๊อก คือ “ปีศาจประชานิยม” ที่มีความมุ่งหมายอันชั่วร้ายในทางการเมือง เป็นศัตรูของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาชนจึงควรมีความรู้เท่าทัน เพื่อเปิดโปงและกำจัดปีศาจร้ายเหล่านี้ เพื่อความสงบสุขของสังคมต่อไป
อ้างอิง :
[1] พีรวุฒิ เสนามนตรี (พ.ศ.2562), “ปฏิวัติฝรั่งเศส”, สำนักพิมพ์ยิปซี, ISBN 978-616-301-683-6
[2] พจนานุกรมฉบับมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด
[3] James Fenimore Cooper (1838), “American Democrat”, H. & E. PHINNEY
[5] นักการเมืองสายม็อบปลุกประชาธิปไตยรับใช้ตัวเอง
[9] Samons, Loren J. (2004). What’s Wrong with Democracy? From Athenian Practice to American Worship. University of California Press. pp. 43–44. ISBN 978-0-520-23660-8
สิทธิของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถสวมเครื่องพันธนาการ ต่อผู้ต้องหาที่ไม่มีท่าทีจะขัดขืน/หลบหนีได้
Here we go (80) ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จุดตายที่จะทำให้เพื่อไทยพ่ายแพ้ก้าวไกล
สังคมสูงสัยยุคใหม่ มีความสามารถและแกร่งพอ จนแทบไม่ต้องพึ่ง ‘ความกตัญญู’
ชย
ความจริงของโลกที่ยอมรับได้ยากที่สุด คือ ความจริงที่ขัดต่อความเชื่อของตน