วันที่กลุ่มความหลายหลายทางเพศ ถูกตีตรา ‘อาชญากรรมของรัฐ’ โดยผู้ปกครองคอมมิวนิสต์รัสเซีย
การเคลื่อนไหวของขบวนการกลุ่มความหลากหลายทางเพศในปัจจุบันที่ถือว่าเปิดกว้างและเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยรวมบนโลกใบนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
โดยในทุก ๆ ปี จะมีเดือนมิถุนายนของทุกปีที่จะถูกเรียกว่า เดือนแห่งความภาคภูมิใจ หรือ Pride Month ที่จะมีการแสดงออกของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก และเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อการเปิดกว้างต่อประเด็นนี้ที่มีสูงขึ้นในสังคมปัจจุบัน
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศก็ต้องต่อสู้และเผชิญหน้ากับอคติทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคมโลก
โดยเฉพาะในประเทศที่เคยปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ที่มีการกดขี่กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างรุนแรงและมองการกระทำของกลุ่มความหลากหลายทางเพศว่าเป็น “อาชญากรรม”
ซึ่งถือว่าเป็นความย้อนแย้งของลัทธิคอมมิวนิสต์ที่มีแนวคิดว่า ทุกคนโดยเฉพาะชนชั้นแรงงานกรรมกรจะมีสิทธิ์ของความเท่าเทียมกันและควรมีสิทธิ์การเข้าถึงทรัพยากรที่ถูกจัดสรรโดยรัฐอย่างเสมอภาค รวมทั้งแนวคิดอคติต่อความหลากหลายทางเพศในช่วงแรก ๆ ของการเคลื่อนไหวของลัทธิคอมมิวนิสต์ก็มีการเปิดพื้นที่การยอมรับให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศเข้ามามีบทบาทในการเคลื่อนไหวการเมืองคอมมิวนิสต์
แต่เมื่อเอาไปใช้งานจริงในบทบาทของผู้ถือครองอำนาจรัฐในระยะยาวนั้นก็ปรากฏว่า สิ่งที่เป็นแนวคิดและต้องการจะผลักดันสู่สังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสวนทางกันอย่างเห็นชัด
โดยเฉพาะในเรื่องของการให้สิทธิอย่างเท่าเทียมต่อประชาชนในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นเพียงการแบ่งแยกระหว่างชนชั้นปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์กับชนชั้นผู้ถูกปกครองทั่วไป
และจากกรณีของสหภาพโซเวียต ซึ่งเคยมีบทบาทในฐานะผู้นำโลกคอมมิวนิสต์มาก่อนในช่วงสงครามเย็น ก็ถือว่า เป็นตัวอย่างสำคัญของกรณีนี้ที่เริ่มแรกของการสถาปนาระบอบคอมมิวนิสต์ในรัสเซีย กลุ่มความหลากหลายทางเพศถูกยอมรับอย่างไม่เป็นทางการมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนการปฏิวัติรัสเซีย
ทว่าสิทธิ์ดังกล่าวก็ได้ค่อย ๆ ถดถอยลงจนเป็น “อาชญากรรมของรัฐ” เมื่อเข้าสู่ช่วงการเข้ามามีอำนาจของ โจเซฟ สตาลิน ที่เริ่มมีการจำกัดสิทธิ์ของกลุ่มความหลากหลายทางเพศอย่างรุนแรง
และเมื่อเวลาผ่านไปก็มีการจับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นจำนวนมากด้วยการมองพฤติกรรมความหลากหลายทางเพศเป็น “อาชญากรรม”
และอาจเป็นภัยคุกคามทางการเมืองสำหรับแนวคิดลัทธิคอมมิวนิสต์และการปกครองประเทศ
ซึ่งการจำกัดสิทธิ์ของกลุ่มความหลากหลายทางเพศก็ยังพบได้ในหลายประเทศที่มีการปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์และเป็นเครือข่ายฝักฝ่ายเดียวกับสหภาพโซเวียตมาก่อน
และมีการปราบปรามการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเพราะกลุ่มผู้ครองอำนาจพรรคคอมนิวนิสต์มองว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการปกครองของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ดังกล่าว
และเหตุการณ์ที่กล่าวมาก่อนหน้าก็ได้กลายเป็นตราบาปสำคัญที่กลุ่มความหลากหลายทางเพศในโลกคอมมิวนิสต์ต้องเผชิญมาโดยตลอด จนความเป็น “อาชญากรรมของรัฐ” ได้ยุติลงเมื่อสหภาพโซเวียตได้ล่มสลายลงไประยะหนึ่ง
พร้อมกับทัศนคติต่อเรื่องความหลากหลายทางเพศที่เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นทั้งในโลกเสรีประชาธิปไตยและกลุ่มอดีตโลกคอมมิวนิสต์ที่มีการเปิดรับมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา
ซึ่งบทเรียนที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในอดีตโลกคอมมิวนิสต์ต้องเผชิญอย่างโหดร้ายนั้น ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญต่อตัวลัทธิคอมมิวนิสต์ที่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่และต้องการสร้างฝันที่เป็นจริงสำหรับทุกคน
แต่เมื่อจะใช้งานจริงนั้นกลับเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกดขี่กลุ่มคนที่เห็นต่างและอาจดูเป็นภัยคุกคามต่อการปกครองของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ ก็ถือเป็นหลักฐานที่บอกความด่างพร้อยของลัทธิคอมมิวนิสต์ได้เป็นอย่างดี
โดย ชย
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม