รู้จัก “โปรไบโอติก” ให้ถึงแก่น หรือ ทาน “โปรไบโอติก” อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทุกวันนี้ คนไทยมีแนวโน้มที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน คนไทยก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวาน โรคอ้วน และซึมเศร้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่เป็นสาเหตุให้สินค้ากลุ่มโปรไบโอติก (Probiotic) เป็นที่สนใจของกลุ่มคนรักสุขภาพ

โปรไบโอติก หมายถึงเชื้อจุลินทรีย์ หรือแบคทีเรียชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ ซึ่งตรงกันข้ามกับจุลินทรีย์ทั่วไป ที่ส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วยต่อร่างกายของคนเรา 

จุลินทรีย์ที่นับได้ว่าเป็นโปรไบโอติกตัวแรกที่มนุษย์รู้จัก และถูกใช้งานด้วยวัตถุประสงค์ทางการแพทย์คือ จุลินทรีย์ตระกูล “แลกโตบาซิลัส” (lactobacillales) โดย อิลยา อิลยิช เมชนิคอฟ (Илья Ильич Мечников) นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย-ยูเครนเจ้าของรางวัลโนเบลประจำปี ค.ศ. 1908 โดยเขาคือผู้แนะนำให้มีการรับประทานนมเปรี้ยวที่หมักด้วยจุลินทรีย์สายพันธุ์ “บัลแกเรียน บาซิลัส” (Bulgarian Bacillus) หรือ แลกโตบาซิลัส บุลการิคัส (Lactobacillus Bulgaricus) เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดี และเริ่มมีการใช้นมเปรี้ยวที่เขาแนะนำให้ผู้ป่วยบริโภคเพื่อการรักษา

ในปัจจุบัน มีการวิจัยและค้นพบโปรไบโอติกมากกว่า 35,000 สายพันธุ์

หน้าที่หลักของโปรไบโอติก คือการช่วยการย่อยสลายอาหารในลำไส้ของเรา และในกระบวนการย่อยสลายของโปรไบโอติก จะสร้างสารเคมีบางอย่างขึ้นมา ซึ่งสารเคมีเหล่านี้ ส่งผลดีต่อสมอง, หัวใจ, ผิวหนัง, ภูมิคุ้มกัน และระบบการเผาผลาญไขมันของเรา ซึ่งทำให้ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน, โรคอ้วน, โรคหัวใจ, ผื่นคันตามผิวหนังอันเนื่องมาจากภูมิแพ้ และโรคซึมเศร้า

นอกจากนี้ โปรไบโอติกมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลร่างกายในหลายมิติ ทั้งปรับสมดุลอารมณ์, การนอนหลับ, การย่อยอาหาร และลดความอ้วนได้อีกด้วย ที่สำคัญคือ การมีโปรไบโอติกที่มากเพียงพอ ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งลงได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม โปรไบโอติก คือเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องการอาหารด้วยเช่นกัน อาหารของโปรไบโอติก ถูกเรียกว่า พรีไบโอติก (Prebiotic) เป็นน้ำตาลที่ไม่ถูกย่อยและดูดซึมในระบบลำไส้ของเรา พบมากในไฟเบอร์จากผักและผลไม้ ดังนั้น การทานโปรไบโอติกให้ได้ผล ควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์ควบคู่กันไป และผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยพรีไบโอติก และโปรไบโอติกร่วมกัน จะถูกเรียกว่า ซินไบโอติก (Synbiotic) เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสิทธิภาพจากการรับประทานโปรไบโอติกอย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ ควรเลี่ยงการรับประทานน้ำตาลในปริมาณสูง, อาหารที่มีไขมันทรานซ์ (Trans Fat), เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวจะทำลายโปรไบโอติกในร่างกายของเรา

สำหรับพฤติกรรมการนอนและการออกกำลังกาย ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่สำคัญในการเพิ่มปริมาณโปรไบโอติกในร่างกาย โดยพฤติกรรมที่แพทย์แนะนำคือการนอนช่วงเวลา 4 ทุ่ม – ตี 2 และการออกกำลังกายวันละ 30 นาที 5 วันใน 1 สัปดาห์

และสุดท้าย คือปัจจัยที่จะช่วยไม่ให้คุณต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ เนื่องจากโปรไบโอติกนั้น มีมากกว่า 35,000 สายพันธุ์ และในร่างกายของแต่ละคน ต้องการจุลินทรีย์โปรไบโอติกที่แตกต่างกัน บางคนอาจจะพบว่าการทานจุลินทรีย์สายพันธุ์หนึ่งได้ผล แต่กลับไม่ได้ผลในคนอีกคน ดังนั้น การทราบถึงสายพันธุ์ของจุลินทรีย์ที่ร่างกายของเราต้องการนั้น จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่จะช่วยไม่ให้การลงทุนในสุขภาพของคุณนั้นสูญเปล่า

เพื่อเฟ้นหาโปรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ตอบสนองต่อโมเดลเศรษฐกิจ BCG และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประเด็น อุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต (New S-Curve) ของรัฐบาล สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว. ) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับบริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดตัว “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรจุลินทรีย์โปรไบโอติกสำหรับระบบทางเดินอาหาร” ขึ้น

ผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกดังกล่าว ประกอบไปด้วย จุลินทรีย์ดีเล็กโตบาซิลลัส พาราคาเซอิ, จุลินทรีย์บีพีโด แบคทีเรียเรียม เบรเว, จุลินทรีย์ดีบาซิลลัส โคแอททูแลน และใยอาหารอินูลิน (พรีไบโอติก) ซึ่งจัดได้ว่า เป็นซินไบโอติก ที่มีโปรไบโอติก และพรีไบโอติก ครบจบในเม็ดเดียว

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของอาหารเสริมตัวนี้ คือการที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถูกวิจัยโดยคนไทย เพื่อร่างกายของคนไทยโดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่าเหมาะสมและคุ้มค่าสำหรับคนไทยอย่างแน่นอน

.

โดย ศิราวุธ ภุมมะกสิกร

.

#TheStructureAdvertorial

#Probiotic #Innobic #PTT
.