นโยบายวิภาค ผู้ว่า ฯ กรุงเทพมหานคร EP4: วิเคราะห์นโยบาย กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ ของ อัศวิน ขวัญเมือง กลุ่มรักษ์กรุงเทพ
จากนโยบายการหาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในตอน 4 ได้เลือกคุณอัศวิน ขวัญเมือง ในฐานะตัวแทนผู้สมัครแบบอิสระที่มีนโยบายการหาเสียงต่าง ๆ ในการนำเสนอออกมาสู่สังคม
โดยนโยบายที่เป็นนโยบายหลักที่ผู้สมัครได้นำเสนอออกมา คือ นโยบาย “กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ” ซึ่งมีอยู่ 8 นโยบายหลัก คือ นโยบายเมืองป้องกันน้ำท่วม นโยบายเมืองเดินทาง นโยบายเมืองแห่งสุขภาพ นโยบายเมืองใส่ใจ นโยบายเมืองแห่งการเรียนรู้ นโยบายเมืองปลอดภัย นโยบายเมืองดิจิทัล และนโยบายเมืองดูแลคนทุกกลุ่มทุกวัย ซึ่งเป็นนโยบายที่จะทำต่อเนื่องจากการบริหารก่อนหน้านี
และนโยบายที่ดูมีความน่าสนใจ คือ นโยบายแนวคิดการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 30 ปีกับ BTS จากปี พ.ศ.2572 ที่จะหมดอายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก เป็นปี พ.ศ.2602 ที่จะครอบคลุมทั้งส่วนของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักและรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งหมด
ซึ่งเป็นนโยบายแนวคิดที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนักในตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่มีมุมมองไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 30 ปี และมีการนำเสนอให้ประมูลหาผู้เดินรถใหม่หลังจากการหมดอายุสัมปทานเดิมหรือโอนกรรมสิทธิ์การกำกับดูแลรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลแทนเช่น รฟม. ที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้เรื่องของการต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี จริง ๆ ถ้าจะเรียกว่าทางสองแพร่งก็ไม่ผิด เพราะถ้าต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้า ภาระหนี้สินที่กรุงเทพมหานครจะต้องแบกรับจากการก่อสร้างและการเดินรถในพื้นที่ส่วนต่อขยายเป็นจำนวนหลายแสนล้านบาทก็จะถูกโอนให้เป็นภาระของบีทีเอสแลกกับการที่ระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมดจะเป็นส่วนหนึ่งของสัมปทานฉบับใหม่ไปอีก 30 ปีจนถึงปี พ.ศ.2602
ขณะเดียวกันการไม่ต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี และใช้วิธีการอื่น ๆ ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินที่กรุงเทพมหานครจะต้องแบกรับเป็นจำนวนมหาศาลก่อนหน้า รวมทั้งการโอนระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้ รฟม. ดูแล ก็ถือว่าเป็นผลดีในอีกทางหนึ่งเพราะระบบรถไฟฟ้าทั้งหมดในกรุงเทพมหานครก็จะถูกดูแลโดยหน่วยงานเดียวคือ รฟม. ที่มีอำนาจกำกับดูแลและสามารถบูรณาการระบบรถไฟฟ้าเข้ารวมกันได้ทั้งหมด
แต่ต้องอย่าลืมว่า การแก้ไขปัญหาหนี้สินนับแสนล้านบาทในช่วงระยะสั้น หากภาครัฐหรือ รฟม. จะเป็นผู้แบกรับภาระหนี้ดังกล่าว ก็จะมีข้อครหาอยู่ว่าเป็นการนำงบประมาณมาเอื้อประโยชน์แก่คนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและไม่ให้ความสำคัญกับคนในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทย
ซึ่งประเด็นการต่ออายุสัมปทาน 30 ปี หรือไม่ต่ออายุสัมปทานนั้น เป็นประเด็นที่สังคมได้ถกเถียงกันมานานในเรื่องข้อดีและข้อเสียของการตัดสินใจดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น การตัดสินใจในเรื่องนี้ในอนาคตของกรุงเทพมหานครไม่ว่าจะต่อหรือไม่ต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็ตาม ย่อมมีผลกระทบต่อสังคมไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง
โดย ชย
อ้างอิง :
[1] ‘อัศวิน’ ลั่นสู้เกินร้อย ชู 8 นโยบายชิงผู้ว่า เปิดตัว ‘คนลุยเมือง’ ดึงรุ่นใหม่ร่วมงาน
[2] “อัศวิน” แถลงนโยบายไม่ขายฝันเน้นทำได้จริง ชี้ “กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ”
[3] “อัศวิน” ลั่น “คลองช่องนนทรี” 5-6 พันล้าน ได้แค่นั้น ต้องเอาไปตัดคอ
[4] สรุปคลองช่องนนทรี เหมาะกับชีวิตชาวกรุง 2022 หรือไม่
[5] เปิดปมต่อสัมปทาน “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ค่าโดยสาร ..แพงจริงไหม?
[6] ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เอกชนรับหนี้แทน กทม. 2 แสนล้านบาท
[7] ผู้ว่าฯ “อัศวิน” เปิดใจ เจ็บแต่จบ ปมสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
จับตานโยบายของพรรคการเมือง และแคมเปญของหลายพรรคที่น่าสนใจ ขณะที่ พปชร. และ รทสช.อาการยังน่าเป็นห่วง
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม