ด้วยเอกลักษณ์ของบริบท ประเทศไทยจึงควรเป็น ประชาธิปไตยแบบ “สั่งตัดพอดีตัว”

เพราะคนเรานั้นเกิดมา “แตกต่างกัน” ไม่เพียงขนาดตัวเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดบางอย่างเช่น ขนาดกล้ามเนื้อ ขนาดรอบอก รอบเอว ระยะแผ่นหลังที่แตกต่างกันออกไปอีก ดังนั้นเสื้อผ้าเพียงไซด์ S – M – L เพียงอย่างเดียวนั้น จึงยังไม่เพียงพอ แต่ยังมีรูปแบบของเสื้อผ้า อาทิ Slim Fit, Regular Comfort เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย นี่ยังไม่นับรูปแบบของแฟชั่นตามรสนิยมของแต่ละบุคคล จนอาจพูดได้ว่า รูปแบบของเครื่องแต่งกายในปัจจุบันนี้ มีมากกว่าร้อยรูปแบบได้เลยทีเดียว

และสำหรับบางคน ที่ต้องการเสื้อผ้าที่ เข้ากับตนเองจริงจริง นั้น อาจใช้บริการ “สั่งตัด” ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ร้านเสื้อผ้าสั่งตัด จึงยังไม่หายไปเสียที ถึงแม้ว่าทุกวันนี้การแข่งขันจากเสื้อผ้าสำเร็จรูปจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากมายในสังคมโลกปัจจุบัน

รูปแบบการปกครองประเทศเองก็เช่นกัน

แต่ละประเทศนั้น มีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่างกัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแตกต่างกันออกไป

บางประเทศ เริ่มต้นจากการไม่มีราชา หรือเคยมีแต่ถูกชาติอื่นปกครองมานาน เช่น อเมริกา พม่า อินเดีย บางประเทศ ราชาไม่สามารถบริหารประเทศได้ดีจึงถูกโค่นลง เช่น รัสเซีย จีน ฝรั่งเศส และบางประเทศ ราชาสามารถประนีประนอมกับประชาชน สร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้ประชาชนได้ จึงยังคงอยู่มาจนปัจจุบัน เช่น อังกฤษ และไทย

ความแตกต่างของประวัติศาสตร์ ทำให้ปัจจุบัน มีความแตกต่างในระบอบการปกครอง แต่ทว่า ในระบอบการปกครองรูปแบบเดียวกัน ก็ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วยเช่นกัน

ในอังกฤษ ราชวงศ์อังกฤษ ผ่านร้อนหนาวมาอย่างมากมาย แต่ยังวางตัวให้คงมั่นอยู่ได้จนทุกวันนี้ กษัตริย์อังกฤษจึงทรงทำหน้าที่ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีหน้าที่เข้าเฝ้าถวายรายงาน และขอคำปรึกษาจากสมเด็จพระราชินีทุก ๆ สัปดาห์

ในขณะที่ไทยนั้น ราชวงศ์จักรีเคยถูกปล้นพระราชอำนาจมาก่อน และสถาบันถูกแขวนเอาไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง จึงทำให้ที่ผ่านมา ฝ่ายการเมืองจึงไม่สนใจราชวงศ์ จนในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงฟื้นฟูพระราชอำนาจ ผ่านการทรงงานพัฒนาประเทศ จนทุกคนรักและศรัทธาในสถาบันดั่งเช่นในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักวิชาการหัวโบราณบางส่วน ที่ยังยึดติดกับตำราเก่า ๆ เช่น ประชาธิปไตย 1789 (ปฏิวัติฝรั่งเศส), คอมมิวนิสต์ 1848 (คอมมิวนิส์ เมนิเฟสโต้) หรือ คอมมิวนิสต์ 1917 (ปฏิวัติเดือนตุลาในรัสเซีย) และกลุ่ม “นักวิชาการตัดแปะ” ที่พยายามจะ “คัดลอก” ตะวันตกมาใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่พิจารณาบริบทของสังคมไทยให้ถ่องแท้เสียก่อน

บางคนเอาแต่ใจ พยายามจะห้ามนั่น ห้ามนี่ เห็นในหลวงทรงเป็นที่นิยม ก็ไปห้ามไม่ให้ทรงมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชน โดยมิได้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนที่พระมหากษัตริย์พึงมีบ้างเลย

และหากเราพิจารณาแต่ละประเทศในโลกนี้ จะพบว่า ไม่มีประเทศไหนในโลก ที่ปกครองตามตำราโบราณทุกกระเบียด แต่มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศทั้งสิ้น ในประเทศเสรีประชาธิปไตยหลายประเทศ มีการให้สวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นแนวคิดของคอมมิวนิสต์ หรือที่ชัดเจนที่สุดคือ จีน ที่ทุกวันนี้ปกครองประเทศด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่ขับเคลื่อนประเทศด้วยทุนนิยม

ทุกประเทศในโลกนี้ พยายามที่จะ “ตัดเสื้อให้เหมาะกับตัว” ไม่มีใครเขาซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูป ปกครองด้วยวิธีคิดตามตำราโบราณอายุเกินร้อยปีกันแล้ว