มีความขัดแย้งภายใน ‘วาสนา-ตรีณปรางค์’ เผยปมความขัดแย้งภายในพรรค รทสช. ชี้ ‘พีระพันธุ์’ ทำงานเข้ากับคนอื่นในพรรคได้ยาก
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2567 น.ส. วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโส นสพ.บางกอกโพสต์ออกรายการ “Ringside X ลับ ลวง พราง” ของสำนักข่าว “Ringside การเมือง” ในชื่อตอน “ปรับแน่! ไม่ใช่แค่ ครม.” ร่วมกับ น.ส. ตรีณปางศ์ มณีชาตรี ผู้ดำเนินรายการ
โดยในตอนหนึ่ง น.ส. วาสนากล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว. คลัง ไม่ใช่คนที่จะมาสั่งให้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่าทำงานได้ไม่ดี แต่เป็นเรื่องของการจัดการภายในของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลเองมากกว่า โดยพรรคภูมิใจไทยคือพรรคที่มีความนิ่งมากที่สุด
น.ส. ตรีณปรางศ์ระบุว่า ภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีปัญหาภายใน เริ่มมีการแยกกลุ่มเพื่อบีบให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัตวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. อยู่อย่างโดดเดี่ยว
“คือเหมือนกับว่าคุณพีระพันธุ์แกมีความฝืดในตัว คือต้องเข้าใจว่าอาจจะด้วยความที่ว่าแกเติบโตมาในครอบครัวที่เป็นทหารใหญ่ แล้วก็(มี)ชาติตระกูล (มี) ชนชั้นทางสังคมอะไรอย่างนี้ เหมือนเป็นคุณชายในทางการเมือง บางทีแกก็จะไม่ได้เข้าอะไรกับใครได้ง่าย ๆ แล้วเวลาพูดแกก็ขวานผ่าซากอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นก็อาจจะไม่ได้ราบรื่นในทางการเมือง
แต่ที่เชื่อว่าคุณพีระพันธุ์ยังอยู่ได้ ส่วนนึงก็คือ พลเอกประยุทธ์ (จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และองคมนตรี) สนับสนุนมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นแล้วโดยจังหวะเวลา มันอาจจะยังไม่ได้ถึงกับการผลัดเปลี่ยนใบในส่วนของรวมไทยสร้างชาติ มันก็เลยยังต้องเป็นคุณพีระพันธุ์อยู่
แต่เราจะเห็นว่าสื่อโซเชียลมีเดีย กองเชียร์ หรือ FC ลุงตู่ (พลเอกประยุทธ์) ก็ยังช่วยกันเชียร์คุณพีระพันธุ์กันอยู่ เพราะมองว่าเป็นเหมือนตัวตายตัวแทนของลุงตู่ “น.ส. วาสนากล่าว
น.ส. ตรีณปรางศ์กล่าวว่า ภายในพรรค รทสช. มีความขัดแย้งที่จะไม่เอานายพีระพันธุ์สูงมากขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังมีตัวกลางที่จะเจรจาภายในพรรคให้ แต่ทั้งนี้ตำแหน่งในกระทรวงพลังงานน่าจะยังคงอยู่กับ รทสช. แต่จะมีการเปลี่ยนตัวบุคคลหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ว่าคลื่นใต้น้ำในพรรคก็มีไม่น้อย และมีการรวมกลุ่มกันเพื่อการสร้างอำนาจต่อรอง
น.ส. วาสนากล่าวว่าภายใน รทสช. เองก็อยากจะให้มีการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ เคยมีความพยายามที่จะผลักดันนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทน และคนรุ่นใหม่ที่มีอายุในช่วงเดียวกันกับนายเอกนัฏก็คุยกันรู้เรื่อง และมีจำนวนมากขึ้น จนทำให้นายเอกนัฏมีโอกาสที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนถัดไป