Twitter กำลังสูญเสียผู้ใช้หลัก ซึ่งส่งผลต่อรายได้หลักของแพลตฟอร์ม ขณะที่เนื้อหาอนาจารและคริปโตฯ เกลื่อนแอพ

ปัญหาจำนวนบัญชีที่เปิดทิ้งไว้แต่ไม่เข้าใช้งานของเหล่าคนดัง และการดิ้นรนรักษาฐานผู้ใช้ที่เข้าใช้งานเป็นประจำ ซึ่งเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายอนาคตของทวิตเตอร์ ล้วนตอกย้ำความท้าทายที่อีลอน มัสก์จะต้องเจอหลังจากที่มัสก์ยืนยันว่าจะปิดดีลซื้อทวิตเตอร์ภายในวันศุกร์นี้

ข้อมูลวิจัยของทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ใช้ที่เข้าใช้งานเป็นประจำ (เข้าสู่ระบบ 6-7 วัน/สัปดาห์ และโพสต์ข้อความ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 10 ของจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด แต่จำนวนโพสต์ที่โพสต์โดยผู้ใช้กลุ่มนี้คิดเป็นร้อยละ 90 ของโพสต์ทั้งหมด และสร้างรายได้ให้กับทวิตเตอร์ราวร้อยละ 50 ของรายได้ทั้งหมด กำลังลดลดอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การระบาดของโควิด-19

โดยทวิตเตอร์ ได้เสียฐานผู้ใช้ที่เข้าใช้งานประจำ ที่มีความสนใจในเนื้อหาเกี่ยวกับข่าวต่างประเทศ และการเมืองแบบเสรีนิยม ไปมากที่สุด

ทวิตเตอร์ ยังสูญเสียกลุ่มผู้ใช้ที่เข้าใช้งานประจำ ที่มีความสนใจในแฟชั่นหรือคนดังไปจำนวนมาก โดยคาดว่าผู้ใช้กลุ่มนี้หันไปใช้แพลตฟอร์มคู่แข่งอย่าง Instagram และ TikTok แทน ขณะที่ ความสนใจใน e-sports และบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ ที่ก่อนหน้านี้เติบโตอย่างรวดเร็วก็กำลังลดต่ำลงด้วย

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความสนใจในกลุ่มผู้ใช้งานประจำที่พูดภาษาอังกฤษในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งอาจทำให้ทวิตเตอร์มีความน่าสนใจน้อยลงในสายตาผู้ลงโฆษณา

โดยคอนเทนต์เกี่ยวกับ คริปโตฯ และคอนเทนต์ที่ไม่ปลอดภัย/ไม่เหมาะสมสำหรับเปิดดูในที่ทำงาน (NSFW) ซึ่งรวมถึงภาพลามกอนาจาร ได้กลายมาเป็นคอนเทนต์ที่กลุ่มผู้ใช้งานประจำที่พูดภาษาอังกฤษสนใจมากที่สุด

ในขณะเดียวกัน ความสนใจในข่าว กีฬา และความบันเทิงในกลุ่มผู้ใช้นี้ กลับลดน้อยลง ทั้งนี้ การโพสต์ข้อความในหัวข้อดังกล่าว ได้ดันให้ทวิตเตอร์กลายมาเป็น “จัตุรัสกลางเมืองดิจิทัล” ซึ่งเป็นที่หมายปองของผู้ลงโฆษณา