“การออกใบสั่ง…ต้องเป็นการจับเพื่อทำให้วินัยการจราจรนั้นดีขึ้น” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วันที่ 7 ต.ค. 66 “การออกใบสั่ง…ต้องเป็นการจับเพื่อทำให้วินัยการจราจรนั้นดีขึ้น” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วันที่ 7 ต.ค. 66

สืบเนื่องจากการออกคำสั่งให้ตำรวจจราจรยังคงใช้เกณฑ์จำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบและการใช้งานระบบ PTM ตามเดิมไปก่อน เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังเตรียมยื่นอุทธรณ์ตำตัดสินของศาลปกครองนั้น

วันที่ 7 ต.ค. 66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในคำสั่งดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่าส่วนตัวก็มองว่ากฎดังกล่าวก็เหมือนการปิดปาก มัดมือชกเช่นกัน ซึ่งเดิมทีการออกใบสั่งนั้นจะให้อำนาจพนักงานสอบสวนสามารถปรับได้ตามกำหนด 

โดยยกตัวอย่างการถูกปรับเนื่องจากไม่สวมหมวก 400 บาท เจ้าหน้าที่อาจพิจารณาเห็นว่าไม่มีความตั้งใจ อาจลดค่าปรับเหลือ 100 – 200 บาท หรืออาจเพียงว่ากล่าวตักเตือนได้ แต่ใบสั่งดังกล่าวเหมือนมัดมือชก เนื่องจากเป็นการส่งใบสั่งปรับไปที่บ้าน และคนที่ขับตอนนั้นอาจจะไม่ใช่เจ้าของรถก็ได้ ซึ่งมันเหมือนเป็นการบังคับจ่าย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าเรื่องนี้จะมีการพิจารณาร่วมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อชะลอการใช้ พ.ร.บ. ดังกล่าวออกไปก่อน ระหว่างนี้จะให้กลับไปใช้แบบเดิม เช่น หากโดนปรับ 400 บาท ก็เอาใบสั่งไปเปรียบเทียบปรับที่โรงพัก ซึ่งพนักงานสอบสวนอาจจะปรับไม่ถึง 400 บาท หรืออาจจะไม่ปรับเลย อยู่ที่ดุลพินิจ

“การออกใบสั่งหรือการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจร ต้องไม่ใช่เป็นการจับเพื่อเอาเงินรางวัล แต่ต้องเป็นการจับเพื่อทำให้วินัยการจราจรนั้นดีขึ้น” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว