ทำความรู้จักพรรคชาติพัฒนากล้าก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ที่นำทัพโดย กรณ์ จาติกวณิช และ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
พรรคชาติพัฒนากล้า
Candidate นายกคนสำคัญ: กรณ์ จาติกวณิช และ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
ที่มา
เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของพรรคการเมืองขนาดเล็ก 2 พรรคคือ พรรคชาติพัฒนา โดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ที่มีฐานหลักอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้เคยยุบเข้ากับพรรคไทยรักไทย จนเมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบ จึงได้ก่อตั้งพรรคใหม่ชื่อ พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ในปี พ.ศ.2550 และมีการเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคชาติพัฒนา ในปี พ.ศ.2554 กับพรรคกล้า โดยนายกรณ์ จาติกวณิช และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ที่ได้ก่อตั้งพรรคในปี พ.ศ.2563
แต่ด้วยแรงกดดันจากกติกาการเลือกตั้งใหม่ในการเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ.2566 ซึ่งไม่เอื้อต่อพรรคการเมืองขนาดเล็ก จึงเป็นที่มาที่ทำให้ทั้งสองพรรคควบรวมในนาม “พรรคชาติพัฒนากล้า” ใน พ.ศ.2565
จุดยืน
จากการรวมกันของทั้งสองพรรคเดิม ทำให้จุดยืนของพรรคชาติพัฒนากล้านั้นเป็นการผสานรวมกันระหว่าง
1.) กลุ่มพรรคชาติพัฒนา นำโดย สุวัจน์ ที่มีความเป็น “ท้องถิ่นนิยม” (regionalism) ด้วยฐานเสียงหลักในเขตพื้นที่โคราช
2.) กลุ่มพรรคกล้า นำโดย กรณ์ ที่เคยขับเคลื่อนทางการเมืองด้วยแนวคิด “ปฏิบัตินิยม” (pragmatism) ซึ่งคือการไม่ฝักใฝ่แนวคิดหรือจุดยืนใด ๆ เป็นหลัก แต่เลือกนโยบายและการขับเคลื่อนทางการเมืองที่มีเน้นผลลัพธ์
หนึ่งในจุดร่วมหลักของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น คือการเน้นไปในประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง โดยในด้านนี้ถือว่ามีจุดยืนแบบ “เศรษฐกิจผสม” ที่เน้นการเข้าถึงทุน, การพัฒนาท้องถิ่น การลดภาระและยกระดับรายได้ของประชาชน
แต่ในทางการเมืองและสังคม ดูเหมือนจะยังไม่มีความชัดเจนเท่าใดนัก
จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นพรรค “กลาง-ขวา” (center-right) ที่เน้นหนักในประเด็นด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่ก็เปิดรับในการเปลี่ยนแปลง สำหรับการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 กรณ์ จาติกวณิช เคยให้สัมภาษณ์ว่าสามารถพูดคุยกันได้ แต่ไม่ต้องการให้ยกเลิก
นโยบาย
ถึงแม้ว่าพรรคจะเกิดจากการรวมตัวกันของพรรคชาติพัฒนา และพรรคกล้า แต่เมื่อพิจารณาจากการวิธีการนำเสนอนโยบายจะเห็นได้ว่า นโยบายส่วนใหญ่ของพรรคมาจากฝั่งของสายกล้าที่นำโดยกรณ์ จาติกวณิช และอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เนื่องจากทั้ง 2 ท่านนี้ มีความโดดเด่นในด้านการเงินการธนาคารเป็นพิเศษ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม แนวนโยบายของพรรคกล้า จึงมีความโดดเด่นในด้านดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะนโยบายเกี่ยวกับเครดิตบูโร
สำหรับนโยบาย “ทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ดูจะมีที่มาจากการ Rebrand แนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจสีรุ้ง บวกกับการแปรสภาพนโยบายเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ที่ทั้งพรรคกล้าและไทยสร้างไทยเคยใช้ แต่ล้มเหลวทั้งในการเลือกตั้งซ่อมและเลือกตั้ง ส.ก. ที่ผ่านมา
โดยรวมแล้ว นโยบายของพรรค มีแนวโน้มที่อาจจะเป็นที่สนใจของผู้ที่ให้ความสำคัญในด้านการเงินและการธนาคาร เป็นอย่างมากก็ว่าได้