หยุดใส่น้ำหอมในน้ำยาปรับผ้านุ่ม ชาวญี่ปุ่นนับพันลงชื่อเรียกร้องให้ผู้ผลิตเลิกใช้ไมโครแคปซูลน้ำหอม ในน้ำยาปรับผ้านุ่มและผงซักฟอก ชี้เป็น ‘มลพิษทางกลิ่น’
ชาวญี่ปุ่นกว่า 8,889 คนที่ไวต่อสารเคมีลงนามในคำร้องเรียกร้องให้ผู้ผลิตน้ำยาปรับผ้านุ่มและผงซักฟอกเลิกใช้ไมโครแคปซูลน้ำหอมในผลิตภัณฑ์ของตน โดยคำร้องดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มที่นำโดยกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นทั่วประเทศที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มสมาชิกสภาท้องถิ่นที่ทำงานเพื่อขจัด “มลพิษทางกลิ่น”
“การใช้ไมโครแคปซูลน้ำหอมควรถูกควบคุม” ซานาเอะ เทราโมโตะ หัวหน้ากลุ่มและเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองทาคาระซึกะ จังหวัดเฮียวโงะ กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับอ้างถึงผลการสำรวจนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นในเมืองทาคาระซึกะ ซึ่งพบว่าประมาณ 8% ของผู้ตอบแบบสอบถามเกิดอาการป่วยหลังสัมผัสน้ำหอมสังเคราะห์
ไมโครแคปซูลน้ำหอมเป็นแคปซูลขนาดเล็กที่มีกลิ่นเข้มข้นซึ่งออกแบมาให้ค่อยๆ ปล่อยกลิ่นออกมาทีละน้อย เพื่อให้ผู้ซื้อได้รับประสบการณ์กลิ่นหอมที่ยาวนาน โดยไมโครแคปซูลน้ำหอมมักใช้ในน้ำยาปรับผ้านุ่มและผงซักฟอก
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความไวต่อสารเคมีเกิดจากการสัมผัสกับสารเคมีในปริมาณมาก แต่หากสัมผัสอย่างสม่ำเสมอแม้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็จะสะสมจนทำให้เกิดอาการป่วยได้ โดยอาการทั่วไป ได้แก่ ปวดศีรษะ รู้สึกอึดอัด และความจำเสื่อม
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งปัจจุบันอายุ 58 ปี ล้มป่วยกะทันหันจากการสูดกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มที่โชยออกมาจากเสื้อผ้าของเพื่อนร่วมงานของเธอ ด้วยอาการปวดหัวอย่างต่อเนื่อง มือ-เท้าชา และมีเสียงวิ้งในหู เธอจึงจำใจต้องลาหยุดงานเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง จนถูกบริษัทยกเลิกสัญญาในที่สุด เธอได้รับการวินิจฉัยว่าแพ้สารเคมีเมื่อปีที่แล้วและเป็นหนึ่งในผู้ลงนามในคำร้องดังกล่าว
ในปี 2021 สำนักงานกิจการผู้บริโภค กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานรัฐบาลกลางอีก 3 แห่ง เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่ส่งกลิ่น
โรงพยาบาลรัฐในนครโตเกียวได้เปลี่ยนมาใช้ผงซักฟอกไร้น้ำหอมซักชุดผู้ป่วย และชุดเครื่องนอน หลังจากที่รัฐบาลกรุงโตเกียวแนะนำให้พนักงานในโรงพยาบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐคำนึงถึงกลิ่นจากน้ำยาปรับผ้านุ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2022 ยอดขายน้ำยาปรับผ้านุ่ม (ทั้งแบบมีกลิ่นและไร้กลิ่น) แตะระดับ 400,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.211 แสนล้านเยน (2.9 หมื่นล้านบาท) เติบโตเกือบสองเท่าจากเมื่อ 20 ปีก่อน
โดยน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมดูเหมือนจะเป็นทางเลือกสำหรับคนส่วนใหญ่ ผลสำรวจโดยสมาคมสบู่และผงซักฟอกแห่งญี่ปุ่นในปี 2020 พบว่า ประมาณ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุระหว่าง 20-50 ปี เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบมีกลิ่น
อากิโอะ ยามาซากิ แพทย์ด้านเวชศาสตร์ระบบทางเดินหายใจได้สรุปภาวะไวต่อสารเคมีว่าเป็น “ความเจ็บป่วยที่ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ”
“คนไข้ทุกคนของผมต้องสละบางอย่างในชีวิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง… ภาวะไวต่อสารเคมีไม่ใช่โรคที่จะนำไปสู่ความตาย แต่ก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เช่นกัน สิ่งสำคัญคือต้องอยู่ห่างจากสารที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วย” ยามาซากิ กล่าว
(1 เยน = 0.24 บาท)