‘ไทยเบฟ’ เทคโอเวอร์ ‘อมรินทร์’ ผู้บริหารฝั่งตระกูลอุทกะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งอมรินทร์ ลาออกยกแฝง เปิดทางให้ไทยเบฟเข้าควบคุมกิจการ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 66 บมจ.อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่น หรือ AMARIN แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่านางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ ทายาทผู้ก่อตั้ง อมรินทร์ ได้ขายหุ้นจำนวน 138,387,052 หุ้น สัดส่วน 13.86% ของหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในอมรินทร์ มูลค่า 761 ล้านบาท ให้แก่บริษัท สิริภักดีธรรม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มไทยเบฟ ทำให้ไทยเบฟถือหุ้นในอมรินทร์เพิ่มเป็น 61.48%
ในวันที่ 17 ต.ค. 66 อมรินทร์ ได้แจ้งต่อ ตลท. เพิ่มเติม เรื่องการลาออกของกรรมการ, กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ได้แก่
- นางเมตตา อุทกะพันธุ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และกรรมการกำกับดูแลบรรษัทภิบาล
- นางระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการความยั่งยืนและบริหารความเสี่ยง กรรมการบริหาร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และเลขานุการบริษัท
- นายโชคชัย ปัญจรุ่งโรจน์ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท และกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. 66 และที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ได้มีมติแต่งตั้ง นายศิริ บุญพิทักษ์เกศ ดำรงตำแหน่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยอยู่ระหว่างสรรหาและแต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งแทน
บมจ.อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ ก่อตั้งโดย นายชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ เมื่อปี 19 หรือกว่า 47 ปี ดำเนินกิจการโรงพิมพ์ สำนักพิมพ์ สื่อสิ่งพิมพ์นิตยสารชื่อดัง “บ้านและสวน” และอีกหลากหลายฉบับ รวมทั้งทีวีดิจิทัล ช่องอมรินทร์ 34
อมรินทร์เริ่มประสบปัญหาด้านธุรกิจมาตั้งแต่ปลายปี 59 ขาดทุนจากธุรกิจทีวีดิจิทัล ได้เพิ่มทุน 200 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 850 ล้านบาท โดยขายหุ้นให้แก่กลุ่มไทยเบฟ ด้วยสัดส่วน 47.62% ทำให้ไทยเบฟกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของอมรินทร์
ส่วนนายศิริ เป็นผู้บริหารจากกลุ่มไทยเบฟ เข้ามาเป็นกรรมการ อมรินทร์ ตั้งแต่เมื่อกลุ่มไทยเบฟเข้ามาซื้อหุ้นอมรินทร์ครั้งแรก ทำให้ในปัจจุบัน ผู้บริหารจากกลุ่มไทยเบฟเข้ามาบริหารอมรินทร์เองทั้งหมด และเป็นการปิดฉากการบริหารของตระกูลอุทกะพันธุ์ ผู้ก่อตั้งอมรินทร์
ความขัดแย้งในทะเลแดง ปัญหาความเปราะบางทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่พร้อมจะล่มเศรษฐกิจโลกทั้งใบ
