
Starbucks ปรับแผนครั้งใหญ่ โดยมีแผนเพิ่ม 17,000 สาขาภายในปี 2030 พร้อมแผนลดต้นทุนอีก 3 พันล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2566 ไมเคิล คอนเวย์ ประธานฝ่ายพัฒนาช่องทางการจำหน่ายระหว่างประเทศของ “สตาร์บัคส์” (Starbucks) เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ นำเสนอขั้นตอนล่าสุดในแผนการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ด้วยการเร่งขยายสาขาทั่วโลกเพิ่มอีก 17,000 สาขา เป็น 55,000 สาขา ภายในปี 2030
พร้อมประกาศแผนการลดต้นทุนมูลค่า 3 พันล้านดอลล์ (1.07 แสนล้านบาท) ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยการลดต้นทุน 1 พันล้านดอลลาร์ (3.57 หมื่นล้านบาท) จะมาจากการปรับปรุงร้านให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนที่เหลือจะมาจากการประหยัดต้นทุนขาย
นอกจากนี้ ยังได้เรียกร้องให้เพิ่มค่าตอบแทนรายชั่วโมงสำหรับบาริสต้าเป็นอีกเท่าตัว จากรายได้ในปีงบประมาณ 2020 ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “กลยุทธ์การสร้างนวัตกรรม Triple Shot” (Triple Shot Reinvention Strategy) โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะมาจากทั้งชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มขึ้นและค่าจ้างที่สูงขึ้น โดยทางบริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า
เมื่อวันพฤหัสบดี (2 พ.ย.) สตาร์บัคส์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2566 สูงกว่าการคาดการณ์ของ Wall Street ทั้งในด้านรายได้และรายได้รายไตรมาส ส่งผลให้ราคาหุ้นสตาร์บัคส์ปิดตลาดพุ่งขึ้น 9.5% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดี
(1 ดอลลาร์ = 35.76 บาท)