โอกาสของอาเซียน สื่อนอกวิเคราะห์ ‘เอเชียตะวันออกเฉียงใต้’ จะเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์ LNG ของโลก ภายในปี 2030 เหตุยุโรปลดพึ่งพารัสเซีย
ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอุปสงค์ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ภายในปี 2030 กลุ่มนักวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรม กล่าว
การค้าก๊าซธรรมชาติเหลวทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป เนื่องจากยุโรปพยายามลดการพึ่งพาก๊าซ LNG ของรัสเซียหลังจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ LNG ของยุโรปมีแนวโน้มจะลดลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
โทนี่ เรแกน ผู้นำด้านก๊าซประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจากบริษัทให้คำปรึกษาด้านพลังงานและการกลั่น ‘NexantECA’ คาดการณ์ว่าอุปสงค์ก๊าซ LNG ในยุโรปจะแตะระดับสูงสุดในปี 2027 ก่อนที่จะลดลงในปี 2030
“ผมคิดว่าอุปสงค์ก๊าซ LNG จะเพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในเวียดนาม ไทย และ อินโดนีเซีย” เรแกน กล่าว
เรแกน ระบุว่า เวียดนามถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำหรับตลาดก๊าซ LNG โดยคาดการณ์ว่าอุปสงค์ก๊าซ LNG ในเวียดนามจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า จากแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 8 (PDP 8) ซึ่งกำหนดว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงทางเลือกภายในปี 2050 หรือปิดตัวลง
ศูนย์นโยบายพลังงานโลกแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ระบุว่า เวียดนามถูกมองว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อการเติบโตของตลาดก๊าซ LNG มาอย่างยาวนาน เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและประชากรที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์พลังงานที่สำคัญ
S&P Global ประมาณการว่า GDP ของเวียดนามจะเพิ่มขึ้นจาก 3.27 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 12.13 ล้านล้านบาท) ในปี 2022 สู่ระดับ 7.6 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 28.2 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030
“ภายในปี 2033 อุปสงค์ LNG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าจะอยู่ที่ 73 ล้านตันต่อปี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 12% ของตลาดก๊าซ LNG ทั่วโลก โดยตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นเกือบ 4 เท่าของอุปสงค์ในปี 2022” S&P Global ระบุ
ขณะที่ ตลาดก๊าซ LNG ทั่วโลกจะเติบโตจาก 7.46 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 2.77 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 สู่ระดับ 1.03 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 3.84 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2028 ตามการคาดการณ์ของบริษัทวิจัยการตลาด Mordor Intelligence
(1 ดอลลาร์ = 37.10 บาท)