เกาหลีเตรียมลงทุน EEC ‘นฤมล’ แย้มข่าวดี รัฐวิสาหกิจเกาหลีสนใจตั้งนิคมอุตสาหกรรม มูลค่า 6,000 ล้านบาท เพื่อดึงดูดการลงทุนจากเกาหลีใต้
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2567 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รองศาสตราจารย์ วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนาย JU, Jae-ha ผู้แทน บริษัท Korea Land & Housing Corporation (LH) ถึงความคืบหน้าการเข้ามาลงทุนในนิคมอุสาหกรรมภาคตะวันออกของไทยจากประเทศเกาหลีใต้
ศาสตราจารย์ นฤมล เปิดเผยว่า จากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายยุน ซ็อก ย็อล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 78 ที่นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2566 จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามผลการหารือแบบทวิภาคีของนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ โดยบริษัท LH เนื่องจากเป็นโครงการที่มีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากเกาหลีใต้
ทั้งนี้ บริษัท LH เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม (Ministry of Land, Infrastructure, and Transport (MOLIT) ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เมื่อเดือนมี.ค. พ.ศ. 2566 ในปัจจุบัน อยู่ระหว่างการพิจารณาหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการเข้ามาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ซึ่ง กนอ. และบริษัท LH บรรลุข้อตกลงที่จะเลือกจังหวัดชลบุรีเป็นสถานที่ก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมเป็นลำดับแรก เพราะเป็นพื้นที่ที่มีบริษัทในห่วงโซ่อุปทานของเกาหลีใต้ ทำให้สะดวกต่อการบริหารจัดการมากที่สุด
โดยทางผู้บริหารบริษัท LH จะเดินทางมาดูสถานที่ก่อสร้างภายในปลายเดือนมี.ค.นี้ และจะนำบริษัทต่าง ๆ ที่มีความประสงค์เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาดูพื้นที่อีกครั้งภายในเดือนเม.ย. ซึ่งหากได้ข้อสรุปเรื่องสถานที่ ปลายปีนี้ทางประเทศเกาหลีใต้จะเดินหน้าลงทุนตามแผน
ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวอีกว่า ภายใต้รัฐบาลเศรษฐา และทีมไทยแลนด์ พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ในพื้นที่ EEC ในรูปแบบการร่วมทุนภายใต้ Economic Innovation Partnership Program (EIPP) ระหว่าง กนอ. บริษัท LH และบริษัทเอกชนไทย ด้วยเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่มีความเชื่อมั่นว่าจะสร้างผลทวีคูณทางเศรษฐกิจเพิ่มอีกมหาศาล นอกจากนั้นยังมีบริษัทขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้สนใจจะเข้ามาดำเนินกิจการในนิคมนี้อย่างน้อย 56 บริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัท Hyundai และ KIA ด้วย ในระยะถัดไป บริษัทขนาดกลางและเล็กของเกาหลีใต้ก็จะตามเข้ามาลงทุนในนิคมนี้เพิ่มเติมอีก
ดังนั้นการตั้งนิคมนี้จึงเป็นโครงการที่มีนัยสำคัญต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากจะช่วยสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเกาหลีใต้ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ยังจะก่อให้เกิดการจ้างงานและการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทยอีกเป็นจำนวนมาก