
ระวังจะติดคุก ‘สมชาย’ ชี้คำแถลงกรณีพักโทษพิเศษ ‘ทักษิณ’ ไม่ชัดเจน บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2567 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการแถลงข่าวของกรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับเกณฑ์พักโทษพิเศษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าสิ่งที่แถลงมา ไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นการพักโทษพิเศษได้อย่างไร
นายสมชายกล่าวว่า การพักโทษพิเศษ ต้องพิจารณาว่านักโทษเด็ดขาดผู้ใดที่มีความประพฤติดี มีการช่วยเหลือราชการเป็นพิเศษ และมีการรับโทษมาไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 อย่างใดมากกว่ากันจึงจะเข้าเกณฑ์ ยึดตาม พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ 2560 เป็นตัวตั้ง และระเบียบกระทรวง 2563 กับระเบียบที่ออกใหม่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2566
ไม่ใช่จากการให้ไปพักรักษาตัวที่บ้าน และการพักโทษก่อน 6 เดือนเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ อีกทั้งระเบียบที่อ้างก็ไม่ได้มีเจตนารมณ์ให้กลับไปอยู่บ้าน อีกทั้งบ้านที่จะไปพักก็ต้องมีลักษณะเป็นเรือนจำ มีสภาพคุมขัง ซึ่งหมายความว่านักโทษอื่นก็ต้องไปอยู่ได้ด้วยเช่นกัน
“ผมยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่พยายามอธิบายสังคมว่าพักโทษเป็นกรณีพิเศษ และคุณทักษิณจะเข้าข่ายเช่นนั้นหรือไม่ ผมคิดว่าเมื่อคุณทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิด ขอรับโทษ และศาลตัดสินต้องจำคุก 8 ปีแล้ว แต่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปีก็ควรดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ โดยไม่ขอรับพระราชทานลดโทษเพิ่มเติมอีก
การจะพยายามทำอะไรของฝ่ายการเมือง ฝ่ายกรมราชทัณฑ์ ก็ขอให้ยึดหลักกฎหมายให้ดี เพราะท่านเป็นกระบวนการยุติธรรมท้ายน้ำ อย่าทำให้เกิดวิกฤตศรัทธา ขอย้ำว่าเมื่อศาลพิพากษาลงโทษแล้ว และได้รับพระราชทานอภัยลดโทษแล้ว ก็ควรเดินตามกระบวนการที่ถูกต้อง“ นายสมชายกล่าว
นายสมชายยังกล่าวอีกว่า หากตัดระเบียบใหม่ออกไป นายทักษิณจะต้องรับโทษก่อน 6 เดือนหรือ 1 ใน 3 อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเลือกเกณฑ์ที่มากกว่า ไม่ใช่น้อยกว่า ซึ่งหมายความว่า ตามเกณฑ์ปกตินายทักษิณจะต้องรับโทษก่อนจนถึงวันที่ 22 ก.พ.
และการที่ฝ่ายการเมืองแถลงพักโทษพิเศษนั้น มีข้อสงสัยว่ากำลังจะดำเนินการในบางเรื่องหรือไม่ เหตุใดจึงรีบออกมาแถลง นี่เป็นข้อสงสัยที่ต้องมีการตรวจสอบต่อ อีกทั้งยังระบุว่านายทักษิณเจ็บป่วยมากน้อยเพียงใด ก็ไม่มีความชัดเจน สร้างความเคลือบแคลงให้สังคม ซึ่งนายสมชายยืนยันว่านายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เข้าเรือนจำ
นายสมชายกล่าวว่า หากนายทักษิณหายแล้ว ก็ควรเข้าพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และรอครบเวลาตามกฎหมาย สังคมจะรับได้ถ้าครบ 6 เดือน แต่หากไปตั้งเกณฑ์พิเศษขึ้นมาอีกแล้วมีการปล่อยตัว อาจเกิดวิกฤตศรัทธาของกระบวนการยุติธรรมไทยมากขึ้น จึงขอเตือนว่าอย่าพยายามที่จะทำอะไรให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือน
นายสมชายกล่าวว่า สำหรับผู้ที่ดำเนินการในเรื่องนี้ มีโอกาสติดคุก อีกทั้งยังตั้งคำถามว่า นักโทษที่ป่วยจากเรือนจำต่างจังหวัดไปอยู่โรงพยาบาลกี่วัน อย่างมากก็ไปเช้าเย็นกลับ หากผ่าตัดอย่างมากก็หนึ่งคืน และข้อชี้แจงของกรมราชทัณฑ์ระบุว่ามีนักโทษที่พักอยู่โรงพยาบาลตลอด 1 ปี 2 เดือน มีจำนวนเกิน 3,000 คน เกิน 30 วันมีแค่ 100 คน เกิน 60 วันมีแค่ 33 คน และเกิน 120 วันมี 3 คน โดยใน 3 คนนี้ 2 คน ป่วยโรคจิตอยู่โรงพยาบาลกว่า 500 วัน กับกว่า 200 วัน
“ส่วนคนสุดท้ายก็ทราบกันอยู่ ท่านอาจจะป่วยก็ได้ แต่เราไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร หากกรมราชทัณฑ์บอกให้กลับ และกลับบอกว่าแพทย์ไม่ยอมให้กลับ ถามคำเดียวคือนักโทษทั่วไปได้รับสิทธิ์เช่นนั้นหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ได้รับสิทธิ์เช่นนั้น เพราะนักโทษทั่วไปต้องมีการประสานกันระหว่าง กรมราชทัณฑ์กับผู้บัญชาการเรือนจำ และโรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกแห่ง
ในการที่จะนำนักโทษออกไป ต้องมีผู้คุม มีโซ่ตรวน เมื่อไปรักษาเสร็จก็รีบนำกลับ ไม่เช่นนั้นจะเกิดการหนีเหมือนแป้งนาโหนด วันนี้กระบวนการยุติธรรมที่เกิดคำถามขึ้นคือ ไม่ได้มีความเสมอภาคหรือเท่าเทียมกันจริง มีการละเว้นการปฏิบัติ ถามว่าวันหนึ่งใครจะถูกดำเนินคดี ก็ต้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปทำให้เกิดปัญหา“ นายสมชาย กล่าว