อาจปรับดีเซลขึ้น 2 บาท หนี้ท่วมกองทุนน้ำมัน เพียง 1 สัปดาห์หนี้เพิ่มเกือบ 2 พันล้าน จ่อของบกลางช่วยเหลือ หรือขอลดภาษีสรรพสามิต

สืบเนื่องจากประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ฉบับที่ 26 ลงวันที่ 28 มี.ค. 2567 เรื่องการกำหนดอัตราเงินส่งเข้ากองทุน อัตราเงินชดเชย อัตราเงินคืนจากกองทุน และอัตราเงินชดเชยคืนกองทุนสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง

ซึ่งประกาศฉบับดังกล่าวมีสาระสำคัญว่า จะมีการปรับเปลี่ยนอัตราเงินชดเชยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 จากฉบับเดิมที่ออกประกาศเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567 ในอัตรา 4.65 บาทต่อลิตร 

เป็นอัตรา 4.17 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 2567 (วันนี้) เป็นต้นไป และอัตราเงินชดเชยดังกล่าวมีผลครอบคลุมทั้งน้ำมันที่ผลิตภายในประเทศ และที่นำเข้าเพื่อการใช้งานภายในประเทศ

ทั้งนี้ สถานะทางการเงินของกองทุนน้ำมัน ฯ มีสถานะ “เป็นหนี้” เพิ่มมากขึ้นเกือบ 2 พันล้านบาท ภายใน 1 สัปดาห์ โดยสถานะทางการเงินเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2567 มีสถานะเป็นหนี้ 96,270 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้น้ำมัน 49,339 ล้านบาท และ LPG (ก๊าซปิโตรเลียมเหลว) 46,931 ล้านบาท

และล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2567 กองทุนน้ำมันฯ สถานะเป็นหนี้ 98,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,950 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นหนี้น้ำมัน 51,136 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1,797 ล้านบาท) และ LPG 47,084 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 153 ล้านบาท)

ทั้งนี้มีรายงานว่า กบน. เตรียมการเจรจาแก้ไขปัญหาสภาพคล่องของกองทุนน้ำมัน โดยมีการประสานงานกับกระทรวงพลังงาน เพื่อให้มีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา โดยอาจจะของบกลางหรือ ขอความร่วมมือจากกระทรวงการคลังในการลดอัตราภาษีสรรพสามิต 

ซึ่งหากไม่มีงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือ กองทุนฯ จำเป็นต้องปรับลดอัตราการชดเชยลง 1-2 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น แต่เพื่อเป็นการผ่อนภาระให้กับประชาชน จะมีการปรับลดอัตราการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลแบบขั้นบันได