
อาจเชิญ ‘ปานปรีย์’ เป็นที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ‘เศรษฐา’ ชี้ ไม่จำเป็นที่ รมว.กต. จะต้องควบรองนายกฯ เสมอไป
สืบเนื่องจากการลาออกจากตำแหน่ง รมว. ต่างประเทศ (กต.) ของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2567 ภายหลังการปรับ ครม. ชุดใหม่ โดยนายปานปรีย์ไม่ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออก ซึ่งนายปานปรีย์ระบุว่า ไม่ได้มาจากการที่ตนเองไม่มีผลงาน อีกทั้งยังระบุว่าเป็นการลาออกเพื่อรักษาหลักการ
วันที่ 29 เม.ย. นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าทางพรรคจะเชิญนายปานปรีย์มาพูดคุย และอาจเชิญมาเป็นที่ปรึกษา เพราะที่ผ่านมานายปานปรีย์ ทำงานให้พรรคมามาก อยู่เบื้องหลังพรรคมาตลอด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายปานปรีย์ ซึ่งพวกเราก็ให้ความเคารพกับการตัดสินใจของนายปานปรีย์อยู่แล้ว
ทั้งนี้นายสรวงศ์ปฏิเสธที่จะระบุว่าผู้ที่จะมาเป็น รมว.กต. คนใหม่คือใคร โดยกล่าวว่าเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าตนเองเคารพในการตัดสินใจของนายปานปรี แต่เมื่อมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่หรือคณะรัฐมนตรีต่าง ๆ เชื่อว่ามีคนที่พอใจและไม่พอใจ มีสมหวังและไม่สมหวัง ดังนั้น จึงอยากโฟกัสในสิ่งที่มีความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานร่วมกันตลอด 7 – 8 เดือนมากกว่า
ซึ่งงานที่ทำมาถือเป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และเชื่อว่ารัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่แทนจะมาสานต่อในเรื่องที่ดี ๆ และยอมรับว่า ได้ส่งข้อความถึงนายปานปรีย์ ในกลุ่มงานต่างประเทศ ซึ่งได้ขอโทษ หากทำให้ไม่สบายใจในเรื่องใด และขอขอบคุณที่ช่วยงานกันมา
สำหรับตำแหน่ง รมว.กต. ที่ว่างลงนั้น จะให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. พาณิชย์ ดูแลไปก่อน ทั้งนี้มีบุคคลใหม่ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ทาบทาม เพราะต้องมีการตรวจสอบจากคณะกรรมการคัดกรองเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ
และระบุว่าบุคคลนี้อยู่ในแวดวงการทูตและการเมืองมาก่อน โดยอยู่เบื้องหลังการทำงานของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด และจิตวิญญาณยึดโยงพี่น้องประชาชน
สำหรับตำแหน่ง รมว.กต. จำเป็นต้องควบตำแหน่งรองนายกหรือไม่นั้น นายเศรษฐากล่าวว่าบางรัฐบาลก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แต่ตนเองจะอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผลักดันงานต่าง ๆ ที่ต้องประสานข้ามกระทรวง และทุกคนก็ทำงานเป็นทีมได้ ดังนั้น การควบรองนายกรัฐมนตรีจึงอาจไม่จำเป็น แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล