รัฐบาลนิวซีแลนด์ จ่อเก็บภาษี ‘เรอ’ และ ‘ฉี่’ จากวัว เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

วันที่ 11 ต.ค. 2565 รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ประกาศแนวคิดในการเก็บภาษีก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการ ‘เรอ และ ฉี่’ ของวัว ภายในปี 2025 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ด้านสหพันธ์เกษตรกรของนิวซีแลนด์ (FF) ออกมาประณามแผนดังกล่าวทันที โดยระบุว่า แผนดังกล่าวจะ ‘ทำลายนิวซีแลนด์’

แอนดรูว์ ฮอกการ์ด ประธานสหพันธ์ฯ อธิบายว่า เกษตรกรพยายามทำงานร่วมกับรัฐบาลในการพัฒนาแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะไม่กระทบต่อการผลิตอาหาร มานานกว่า 2 ปี แล้ว

“แผนของเราคือให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรต่อไปได้ แต่แผนที่รัฐบาลเสนอจะบีบให้เกษตรกรต้องขายฟาร์มของพวกเขาทิ้งไป“ ฮอกการ์ด กล่าว

ในขณะที่ ส.ส. ฝ่ายค้าน จากพรรค ACT กล่าวว่า แผนดังกล่าวจะเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก เนื่องจากจะเป็นการบีบให้ฟาร์มปศุสัตว์ย้ายไปทำฟาร์มในประเทศอื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตอาหารน้อยกว่า (ปล่อยก๊าซในอัตราที่เท่ากัน แต่ได้ผลผลิตน้อยกว่า)

ทั้งนี้ นิวซีแลนด์มีโคเนื้อและโคขุนราว 10 ล้านตัว และแกะอีก 26 ล้านตัว ในขณะที่มีประชากรเพียง 5 ล้านคน ซึ่งอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่ใหญ่เกินขนาดนี้ ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนิวซีแลนด์ราวครึ่งหนึ่งมาจากฟาร์มปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซมีเทนจากเรอของวัว และก๊าซไนตรัสออกไซด์จากปัสสาวะของวัว

รัฐบาลนิวซีแลนด์ให้คำมั่นว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและทำให้ประเทศเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutral) ภายในปี 2050 โดยส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าว รวมถึงคำมั่นว่าจะลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากสัตว์เลี้ยงในฟาร์มลง 10% ภายในปี 2030 และ 47% ภายในปี 2050

นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น กล่าวว่า เงินทั้งหมดที่ได้จากการจัดเก็บภาษีวัวเรอ จะนำกลับคืนสู่อุตสาหกรรมเพื่อเป็นทุนสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ๆ การวิจัย และการจ่ายเงินจูงใจสำหรับเกษตรกร

จากผลสำรวจความคิดเห็น พรรคแรงงานของอาร์เดิร์น ได้รับความนิยมลดลงและตามหลังพรรคพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งหากรัฐบาลของอาร์เดิร์น ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับเกษตรกรที่มีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมากในนิวซีแลนด์ ก็จะทำให้อาร์เดิร์น ชนะการเลือกตั้งในสมัยหน้าได้ยาก