ร่างกฎหมายควบคุมสายมูสคบ. ร่างกฎห้ามโฆษณาของขลังที่ไม่เป็นธรรมที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวมเสร็จปี 65 ผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้ว

เครื่องราง ของขลัง และพระเครื่อง มีคู่กับสังคมไทยมายาวนาน การเป็นตัวแทนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือการเสริมโชค วาสนา ค้าขาย อีกทั้งได้รับความนิยมในการเช่า (ซื้อขาย) จนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เคยประเมินมูลค่าของตลาดเครื่องรางของขลังเอาไว้ว่า มีรายได้มากถึงปีละหมื่นล้านบาท

ความนิยม และเม็ดเงินที่หมุนเวียนในตลาด ทำให้เกิดกระแส “Soft Power สายมูเตลู” หรือ “สายมู” อีกทั้งในปัจจุบันความนิยมในเครื่องรางของขลังไทย ได้แพร่หลายไปในหมู่ชาวต่างประเทศ อาทิเช่นคนจีนเป็นทีเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน นักธุรกิจจีนบางราย ผันตัวเป็นเซียนพระไทย กว้านซื้อพระเครื่องไทย นำไปวางขายในตลาดจีน ซึ่งรวมถึงใน อาลีบาบา ด้วย

อย่างไรก็ดี มูลค่าของเครื่องราง ของขลังเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อ” และ “ศรัทธา” ที่ยากต่อการพิสูจน์ อีกทั้งมีการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง หรือให้บริการ ผ่านสื่อต่าง ๆ มีความแพร่หลายมากขึ้น และส่วนใหญ่มักพบเห็นการใช้ข้อความที่ยากต่อการพิสูจน์ อวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง เช่น เสริมโชคลาภบารมี หรือทำให้หายจากการเจ็บปวด ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อและได้รับความเสียหายหรืออันตรายจากการใช้สินค้าหรือบริการดังกล่าว

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ออกร่างกฎหมายเข้ามาควบคุมการโฆษณาขายเครื่องราง ของขลัง อย่างจริงจัง โดยจัดทำเป็น ร่างกฎกระทรวงกำหนดข้อความโฆษณาเครื่องราง ของขลัง หรือบริการที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม พ.ศ. …. ซึ่งมีการดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา สคบ. ได้มีเปิดรับฟังข้อคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวด้วยระบบประชุมทางไกล (Video Conference) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อยู่ในกระบวนการสรุปผล ก่อนจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อการพิจารณาต่อไป