
ขี่ช้างจับตั๊กแตน! ทีมเศรษฐกิจก้าวไกลอัดนโยบายเพื่อไทย กรณีอ้างใช้เงินดิจิทัลระบบ Blockchain เหตุระบบช้าและต้นทุนสูง ชี้คนพูดเอาเท่ แต่ไม่เข้าใจระบบ
ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร หรือ ดร.โจ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงิน และนักยุทธศาสตร์ด้านข้อมูล อดีตรอง ผอ.กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร มีส่วนผลักดันโครงการพัฒนาเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) สำหรับชำระเงินระหว่างประเทศ ในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกล
ได้ออกมาวิจารณ์ถึง การหาเสียงโดยอ้างเทคโนโลยี “Blockchain” ของฝ่ายการเมือง ว่าเป็นเพียงการเอาคำเท่ๆ มาพูดให้ดูดี แต่ในความเป็นจริงผู้พูดไม่ได้เข้าใจว่า เทคโนโลยีนั้นเหมาะจะเอามาใช้จริงมากน้อยแค่ไหน ไม่ต่างอะไรจากการขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะ Blockchain จะเอามาใช้มีต้นทุนสูงและระบบทำงานช้ามาก
ทั้งนี้สอดคล้องในจังหวะเดียวกันกับที่พรรคเพื่อไทยออกมาประกาศเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566 ว่าจะแจกเงินดิจิทัล โดยใช้ระบบ Blockchain มาเขียนเงื่อนไขในการใช้งาน
โดย ชัยวัฒน์ ได้ระบุเนื้อหาดังนี้
“Blockchain เป็น buzzword ที่ฟังดูแล้วเท่ ติดเทรนด์มาตั้งแต่ปี 2017 จากประสบการณ์ทำงานของผมเองได้เห็นผู้ที่ต้องการเอา blockchain มาใช้ในโครงการต่างๆ เพราะว่า #ของมันต้องมี อยู่บ่อยๆ ซึ่งมักจะเป็นการคิดโครงการโดยเอา blockchain เป็นที่ตั้ง gimmick โดยไม่ได้เอาโจทย์เป็นที่ตั้ง
ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักขี่ช้างจับตั๊กแตนหรือฝืนจนล่ม เพราะใครเคยทำก็จะรู้ว่า blockchain นั้นทั้งช้าและใช้ต้นทุนในการ implement สูงกว่าระบบแบบมีตัวกลางมาก มีเพียงบางโจทย์ที่เหมาะจะเอา blockchain มาใช้จริงๆ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ เช่น เวลาไม่มีใครเหมาะที่จะเป็นตัวกลางให้ผู้อื่นเชื่อถือ
ดังนั้นก็ไม่ต้องไปเชื่อใคร (trustless) เช่นใน Project mBridge ที่ผมมีประสบการณ์เคยทำระบบชำระเงินระหว่างประเทศด้วย CBDC ของ 4 สกุลเงิน THB,CNY,HKD,AED นั้น ธนาคารกลางทั้ง 4 มีศักดิ์เท่ากันและไม่มีตัวกลางที่ทุกคนต้องเชื่อ blockchain จึงเหมาะสำหรับโจทย์นี้
การจะทำระบบชำระเงินด้วย blockchain นั้นยังต้องทำระบบอื่นๆ อีกหลาย layer เช่นเรื่อง privacy ซึ่งสำคัญมากสำหรับ #ดิจิทัลวอลเล็ต ก็ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบและยิ่งทำให้ช้าเข้าไปอีก [ภาพจาก: https://bis.org/publ/othp59.pdf]
คนที่มีประสบการณ์กับ blockchain จะรู้ว่าอะไรควรใช้ อะไรไม่ควรใช้ พรรคที่อ้างว่ามีประสบการณ์ก็ใช่ว่าจะมีประสบการณ์จริงๆ ขอให้ประชาชน trustless และใช้วิจารณญาณ จะได้รู้ทันว่าอะไรเป็น gimmick อะไรเป็นของจริง เลือกตั้ง66 กาก้าวไกลได้คนรู้จริงไปทำงาน”