ต้องพึ่งพาตนเองกลาโหมอินเดียปรับใหม่ ลดการพึ่งอาวุธจากต่างชาติ

นเรนทระ โมที นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวในงานสัมมนานวัตกรรมเพื่อความเป็นเลิศด้านกลาโหมที่จัดโดย Naval Innovation and Indigenization Organization (NIIO) และ Society of Indian Defense Manufacturers (SIDM) เมื่อวันจันทร์ (18 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่า 

“อินเดียกำลังสร้าง ‘ระบบนิเวศของการออกแบบและพัฒนาด้านกลาโหม’ ใหม่ทั้งหมด เพื่อลดการพึ่งพาอาวุธจากต่างประเทศ และกลายเป็นผู้ส่งออกอาวุธสมัยใหม่รายใหญ่ของโลก” โดยให้ข้อสังเกตว่า “การป้องกันประเทศไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่ชายแดนอีกต่อไป

“โดยตั้งแต่ปี 2014 รัฐบาลไม่เพียงแต่เพิ่มงบประมาณกลาโหม แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการผลิตเชิงกลาโหมในประเทศ เพื่อยกระดับด้านการกลาโหมของอินเดียให้สูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในขณะที่อินเดียเฉลิมฉลอง 100 ปีแห่งอิสรภาพ” โมที กล่าว

โมที อธิบายเพิ่มเติมว่า “ทุกวันนี้ งบประมาณส่วนใหญ่ที่จัดสรรไว้สำหรับการจัดซื้ออาวุธ ถูกใช้ไปในการจัดซื้ออาวุธที่ผลิตในประเทศ โดยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การนำเข้าอาวุธของอินเดียลดลงประมาณ 21% และวันนี้เรากำลังจะกลายเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่” 

ทั้งนี้ แม้ว่าอินเดียจะมีนโยบายลดการพึ่งพาอาวุธจากต่างประเทศ แต่รัสเซียก็ยังคงเป็นพันธมิตรหลัก โดยเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ให้กับอินเดียมาตั้งแต่ช่วงปี 2000 โดยเฉพาะระบบอาวุธที่มีความซับซ้อน ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขับไล่และเรือดำน้ำโจมตี 

ด้าน รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามโน้มน้าวให้อินเดียชะลอความร่วมมือด้านกลาโหมกับรัสเซีย โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เสนอแพ็คเกจความช่วยเหลือทางทหารแก่อินเดีย มูลค่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ (1.8 หมื่นล้านบาท) นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังปฏิเสธที่จะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่ออินเดียกรณีซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ขั้นสูงของรัสเซีย ซึ่งตรงกันข้ามกับการปฏิบัติต่อจีนและตุรกี ซึ่งทั้ง 2 ประเทศถูกคว่ำบาตรจากการซื้ออาวุธชนิดเดียวกัน