
สงครามกาซาทำพิษ Starbucks ตะวันออกกลาง เตรียมปลดพนักงานกว่า 2,000 คน เหตุถูกบอยคอตจากความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์
Alshaya Group บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในตะวันออกกลาง ซึ่งได้รับสิทธิบริหารแฟรนไชส์ร้านกาแฟ Starbucks เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) ว่าเตรียมปลดพนักงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง หลังจากเผชิญกระแสบอยคอตจากสงครามกาซา
“สืบเนื่องมาจากการดำเนินธุรกิจที่มีความท้าทายอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เราจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากในการลดจำนวนเพื่อนร่วมงานของเรา” Alshaya ระบุในแถลงการณ์
Alshaya ดำเนินธุรกิจ Starbucks ประมาณ 1,900 สาขาใน บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต เลบานอน โมร็อกโก โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริษัทมีพนักงานมากกว่า 19,000 คน ซึ่งการปลดพนักงานในครี้งนี้คิดเป็นสัดส่วนเพียงกว่า 10% เท่านั้น
รายได้ของ Starbucks ในไตรมาส 4/2023 เพิ่มขึ้น 8% สู่ระดับประวัติการณ์ที่ 9.43 พันล้านดอลลาร์ (3.35 แสนล้านบาท) แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 9.6 พันล้านดอลลาร์ (3.41 แสนล้านบาท) ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากกระแสบอยคอต
Starbucks เคยออกมาแถลงเมื่อเดือน ต.ค. หลังจากที่สงครามปะทุขึ้นใหม่ๆ ว่า บริษัทเป็นองค์กรไม่ฝักใฝ่การเมือง และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาและข่าวลือที่ว่า Starbucks ให้การสนับสนุนรัฐบาลอิสราเอล และกองทัพอิสราเอล
Starbucks ไม่ใช่แบรนด์เดียวที่ตกเป็นเป้าของกลุ่มนักเคลื่อนไหว ผู้บริโภคในประเทศมุสลิม เรียกร้องให้บอยคอต McDonald’s ตอบโต้กรณีที่แฟรนไชส์ McDonald’s ในอิสราเอล ประกาศเมื่อเดือน ต.ค. ว่าจะบริจาคอาหารหลายหมื่นชุดแก่กองทัพอิสราเอล
(1 ดอลลาร์ = 35.59 บาท)