
เม็กซิโกแซงจีน ขึ้นแท่นตลาดนำเข้าเบอร์ 1 ของสหรัฐฯ ในปี 2023 ขณะที่ธุรกิจจีนหันไปตั้งโรงงานในเม็กซิโกแทน เพื่อให้ได้รับมาตรการปลอดภาษีจากสหรัฐฯ
เม็กซิโกแซงจีน ขึ้นแท่นตลาดนำเข้าเบอร์ 1 ของสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีน-สหรัฐฯ ตลอดจนความพยายามของสหรัฐฯ ในการนำเข้าจากประเทศที่เป็นมิตรและใกล้บ้านมากขึ้น
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ในปี 2023 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกเพิ่มขึ้นเกือบ 5% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 4.75 แสนล้านดอลลาร์ (17.07 ล้านล้านบาท) ในขณะที่ การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง 20% เหลือ 4.27 แสนล้านดอลลาร์ (15.34 ล้านล้านบาท) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปีที่เม็กซิโกกลายเป็นผู้ส่งออกสินค้าอันดับ 1 ไปสหรัฐฯ
Derek Scissors ผู้เชี่ยวชาญจีนจากสถาบัน AEI ระบุว่า การนำเข้าจากจีนที่ลดลงมากที่สุดคือ คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และเภสัชกรรม ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีนถดถอยลงอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ ได้ปรับขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ในปี 2021 เพื่อตอบโต้ความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันจากเศรษฐกิจจีน โดยการบังคับใช้ภาษีดังกล่าวยังคงดำเนินต่อในสมัยรัฐบาลไบเดนจนถึงปัจจุบัน
รัฐบาลไบเดน ได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ หาซัพพลายเออร์ในประเทศพันธมิตร เพื่อลดการพึ่งพาจีน ในขณะที่ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังทำให้บริษัทในสหรัฐฯ มองหาซัพพลายเออร์ใกล้ๆ สหรัฐฯ มากขึ้น
เม็กซิโกเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับประโยชน์จากการลดการพึ่งพาจีนของสหรัฐฯ แต่ความเป็นจริงนั้นซับซ้อนกว่าที่คิด เพราะผู้ผลิตชาวจีนบางรายได้หันไปตั้งโรงงานในเม็กซิโก เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดาซึ่งมีระยะเวลา 3 ปี ซึ่งอนุญาตให้มีการค้าสินค้าปลอดภาษีในอเมริกาเหนือสำหรับผลิตภัณฑ์จำนวนมาก
(1 ดอลลาร์ = 35.94 บาท)