ไม่เอาศพในสื่อ ดร.วรัชญ์ ครุจิต ชี้ต้องช่วยกันรณรงค์ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในระบบสื่อ
จากเหตุการณ์กราดยิงในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ออกมากดดันเรียกร้องจริยธรรมสื่อไม่ให้ส่งต่อภาพผู้เสียชีวิต โดยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า
ผมได้เริ่มรณรงค์ #ไม่เอาศพในสื่อ ในเว็บไซต์ Change.org มาตั้งแต่กรณีคุณปอ ทฤษฎี เมื่อ 6 ปีที่แล้ว จนนโยบายนี้ได้รับเลือกให้ไปเป็นโจทย์ในรายการ นโยบาย by ประชาชน ทางช่องไทยพีบีเอส ซึ่งวันนั้น มีประชาชนในสตูดิโอที่ร่วมโหวตเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ลังเล และไม่เห็นด้วย
จนวันนี้ ผมคิดว่าเรามาได้ไกลประมาณหนึ่ง แต่ที่มาได้ไกล ไม่ใช่สื่อ แต่เป็นจิตสำนึกของประชาชน ที่เรียกร้องจริยธรรมสื่อมากขึ้น โดยเฉพาะการเรียกร้องไม่ให้ส่งต่อภาพผู้เสียชีวิตจากกรณีต่างๆ และสร้างแรงกดดันให้สื่อต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
ที่ผ่านมา ผมไปพูดหรือให้สัมภาษณ์เรื่องจริยธรรมสื่อ บ่อยจนเบื่อมากและไม่อยากพูดแล้ว เพราะรู้สึกว่าพูดไปก็โลกสวยและพูดซ้ำๆ แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลง แถมเป็นศัตรูกับสื่อ หรือชวนทัวร์ลงมาบูลลี่อีก และก็ดูเหมือนสื่อจะไม่เรียนรู้เสียที เคสแล้วเคสเล่าที่ทำให้ชาวบ้านก่นด่า และเสียความศรัทธาไปจนแทบจะเหลือน้อยลงมาก เกิดขึ้นทีผมก็ต้องให้สัมภาษณ์ที ถ้าไม่เกิดเลยแล้วผมไม่ต้องให้สัมภาษณ์เรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายพอมีสื่อมาขอสัมภาษณ์ ผมก็ต้องพูด เพราะทุกครั้งก็กลับมาที่คำถามเดิมคือ ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ? (หลายครั้งก็ย้อนแย้ง เพราะสื่อที่มาสัมภาษณ์ ก็ทำผิดจริยธรรมเสียเองจนโดนด่าหรือถูกผมร้องเรียนมาแล้ว)
และผมย้ำเสมอว่า การยกระดับจริยธรรมสื่อ อย่าไปคาดหวังให้สื่อเปลี่ยนแปลง เกิดจิตสำนึก เกิดจริยธรรมได้เอง เพราะสื่อไม่ใช่มนุษย์ สื่อคือระบบ สื่อคือธุรกิจที่อยู่รอดได้ด้วยรายได้ มนุษย์ในองค์กรสื่อ ก็คือ องค์ประกอบในระบบ ที่มีเป้าหมายเหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไปก็คือ การเอาตัวรอด ด้วยค่าโฆษณา เรตติ้ง ยอดไลก์ ยอดแชร์
แต่สิ่งที่เราต้องทำ คือการให้เจ้าของตัวจริง คือประชาชนของสังคม ช่วยกันกดดันและเปลี่ยนแปลงระบบให้อยู่ในกรอบแนวปฏิบัติที่ดี (หรืออย่างน้อยแค่พอรับได้) ซึ่งต้องใช้พลังความเข้มแข็งทางจริยธรรมและสติปัญญาของคนในสังคม ที่ต้องมากพอที่จะสร้าง “มวลวิกฤต” (critical mass) ที่ใหญ่พอจะเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมายาวนาน บวกกับความมักง่าย และความเห็นแก่ตัวในการเอาตัวรอด ที่ระบบบีบบังคับให้เกิดขึ้นกับองค์กรสื่อ
จากเหตุการณ์ที่โคราช มาถึงที่หนองบัวลำภูในวันนี้ แม้จะเป็นเรื่องโศกสลดอย่างใหญ่หลวง แต่ผมเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น ของความเข้มแข็งของจิตสำนึกของคนในสังคม เกี่ยวกับการเรียกร้องและคาดหวังการทำหน้าที่ที่ดีของสื่อ รวมถึงทุกคนที่ใช้สื่อ ที่ทำให้เห็นว่า พลังในการต่อสู้กับระบบของสื่อที่แท้จริง คือพลังของประชาชน ที่ส่งเสียงไปยังองค์กร และโดยเฉพาะสปอนเซอร์โฆษณา ว่าเราต้องการสื่อที่ไม่ละเมิดจริยธรรม ไม่ใช่ด่าไปดูไป และผมจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเท่าที่จะทำได้
ถ้าสื่อเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน (watchdog) ผมก็จะขอเป็นสุนัขเฝ้าสุนัขตัวนี้อีกที จนกว่าจะหมดแรงเห่า และหวังว่าจะมีผู้ช่วยเฝ้าสื่อเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆในอนาคตครับ
“โลกาภิวัตน์กำลังจะตายเช่นเดียวกับการค้าเสรี” Morris Chang ผู้ก่อตั้ง TSMC บริษัทชิปอันดับหนึ่งของโลกสัญชาติไต้หวัน
เตือนผู้ส่งออกไทย เตรียมรับมือ สหรัฐฯ และอียู เตรียมประกาศใช้ภาษีคาร์บอน นำร่องปี 2567
การลงทุน DATA Center ไทยได้ประโยชน์มากแค่ไหน? ‘ภาวุธ’ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม