ตลาดหุ่นยนต์โลจิสติกส์มาแรง ญี่ปุ่นมีการใช้งานหุ่นยนต์โลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้น เหตุแทนที่มนุษย์ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ตลาดหุ่นยนต์โลจิสติกส์ในญี่ปุ่นกำลังเฟื่องฟู โดยได้รับอานิสงส์จากการที่บริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่นหันมาใช้งานหุ่นยนต์โลจิสติกส์ในคลังสินค้าและโรงงานเพิ่มขึ้น ท่ามกลางกระแสความนิยมที่เพิ่มขึ้นของอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) และปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุด Amazon ได้นำหุ่นยนต์อัตโนมัติประมาณ 2,600 ตัวมาใช้ที่ฐานโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ในเมืองชิบะ ซึ่งเริ่มดำเนินการในปลายเดือนสิงหาคมที่ปีที่แล้ว โดยหุ่นยนต์ดังกล่าวจะหยิบสินค้าที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาจากชั้นวางผลิตภัณฑ์มากกว่า 30,000 ชั้น และส่งมอบให้กับพนักงานที่รับผิดชอบโดยอัตโนมัติ
“เนื่องจากหุ่นยนต์ช่วยประหยัดเวลา เราสามารถเพิ่มสินค้าคงคลังได้สูงสุดถึง 40%” เจ้าหน้าที่ของบริษัท กล่าว
ความต้องการหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติกำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก โดยรายงานล่าสุดของ Fuji Keizai บริษัทวิจัยในโตเกียว ระบุว่า ตลาดที่เกี่ยวข้องกับรถขนถ่ายสินค้าและวัสดุอัตโนมัติ (AGVs) และหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMRs) ในญี่ปุ่นคาดว่าจะแตะระดับ 1.19 แสนล้านเยน (ราว 2.9 หมื่นล้านบาท) ในปี 2573 เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากปี 2565 ที่ 3.84 หมื่นล้านเยน (ราว 9.4 พันล้านบาท)
โดยมีกฎเกณฑ์จำกัดชั่วโมงการทำงานสำหรับคนขับรถบรรทุก ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้า เป็นอีกแรงหนุนสำคัญ เนื่องจากผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดเวลาการรอคอยของคนขับรถบรรทุกตลอดจนเวลาในการขนถ่ายสินค้าลง เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักในการดำเนินการกระจายสินค้า
ทั้งนี้ บริษัทต่างชาติกำลังเป็นผู้นำในตลาดหุ่นยนต์โลจิสติกส์ของญี่ปุ่น โดยบริษัท “กีคพลัส” (Geekplus) ผู้นำระดับโลกด้านหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติของจีน ครองอันดับหนึ่งในด้านยอดขาย AGVs ย้ายชั้นวางสินค้า ในปี 2021 ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกีคพลัส ระบุว่าหุ่นยนต์ลอจิสติกส์ของบริษัทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งถึง 4-5 เท่า
ขณะที่บริษัทผู้ผลิตหุ่นยนต์โลจิสติกส์สัญชาติญี่ปุ่นบางรายมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งหุ่นยนต์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า
บริษัท Tokyo Kikai Seisakusho ของญี่ปุ่นได้พัฒนา AGV ที่สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ในสภาพอากาศเลวร้ายและบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งบริษัทคาดหวังว่า AGV จะเป็นวัวทำเงิน (cash cow) ตัวใหม่ของทางบริษัท โดย Tokyo Kikai วางแผนที่จะเพิ่มยอดขาย AGV ให้ 1 พันล้านเยน (244 ล้านบาท) ภายในระยะเวลา 3 ปี
(1 เยน = 0.24 บาท)