อินเดียงดส่งออกน้ำตาลเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยอาจเกิดผลกระทบ ทำให้ราคาสินค้าในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นตามมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐ 3 รายว่า อินเดียเตรียมระงับการส่งออกน้ำตาลครั้งแรกในรอบ 7 ปีในฤดูกาลหน้า เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากการขาดแคลนฝนทำให้ผลผลิตอ้อยลดลง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว คาดว่าจะดันราคาน้ำตาลในตลาดนิวยอร์กและลอนดอนซึ่งมีการซื้อขายกันในระดับสูงสุดในรอบหลายปีถีบตัวสูงขึ้น ทำให้เกิดความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อในตลาดอาหารโลกจะเพิ่มสูงขึ้น
แหล่งข่าวระบุว่า “เป้าหมายหลักของเราคือการตอบสนองความต้องการน้ำตาลในท้องถิ่นและการผลิตเอทานอลจากอ้อยส่วนเกิน พร้อมเสริมว่า ในเดือนตุลาคม อินเดียจะมีน้ำตาลไม่เพียงพอที่จะจัดสรรโควตาการส่งออก”
อินเดียอนุญาตให้โรงงานต่างๆ ส่งออกน้ำตาลได้เพียง 6.1 ล้านตันในช่วงฤดูกาลปัจจุบันจนถึงวันที่ 30 กันยายน หลังจากที่จำกัดการส่งออกไว้ที่ 11.1 ล้านตันในฤดูกาลที่แล้ว
กรมอุตุนิยมวิทยาของอินเดียระบุว่า ฝนมรสุมในเขตปลูกอ้อยของรัฐมหาราษฏระทางตะวันตกและรัฐกรณาฏกะทางตอนใต้ ซึ่งรวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตน้ำตาลทั้งหมดของอินเดีย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 50% ในปีนี้
ขณะที่ราคาน้ำตาลในอินเดียพุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ส่งผลให้รัฐบาลอนุญาตให้โรงงานขายน้ำตาลเพิ่ม 200,000 ตันในเดือนสิงหาคม ซึ่งการผลิตน้ำตาลของอินเดียอาจลดลง 3.3% เหลือ 31.7 ล้านตันในฤดูกาล 2023/2024
แหล่งข่าวระบุว่า “ภาวะเงินเฟ้อด้านอาหารเป็นเรื่องที่น่ากังวล ราคาน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้การส่งออกน้ำตาลถูกสั่งห้าม” โดยอัตราเงินเฟ้อค้าปลีกในอินเดียพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนที่ 7.44% ในเดือนกรกฎาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารอยู่ที่ 11.5% สูงสุดในรอบ 3 ปี
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้วอินเดียประกาศระงับการส่งออกข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังได้กำหนดภาษีส่งออกหัวหอม 40% เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดภายในประเทศก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า