
สร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินใน 6 ปี เชื่อม กทม.สู่ อีอีซี ยกระดับการเดินทางทันสมัย ไร้รอยต่อ ดึงดูดนักลงทุน หลังสิ้นสุดสัมปทาน 50 ปี ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของรัฐ
“พล.อ.ประยุทธ์” เดินหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินภายใน 6 ปี เชื่อม กทม.สู่ อีอีซี ผ่าน 5 จังหวัด ยกระดับการเดินทางทันสมัย ไร้รอยต่อ
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เร่งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขจัดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ ทำให้ประชาชนได้เห็นถึงโครงการก่อสร้างระบบคมนาคมมีการพัฒนาไปแบบก้าวกระโดด มีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าหลายสายในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยกระดับการเดินทางทั้งถนน ราง เรือและอากาศ
ทั้งนี้ในฐานะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ได้เร่งผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน คือ สนามบินดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา เพื่อยกระดับการเดินทางให้ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว ไร้รอยต่อ
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. วงเงิน 224,544 ล้านบาท มีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการ ร่วมลงทุนกับภาคเอกชน เมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 50 ปี ทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาทจะตกเป็นของรัฐ ใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางการเดินรถเดิมของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแอร์พอร์ตลิงค์ (Airport Rail Link) ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
โดยจะก่อสร้างทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร (Standard Gauge) ส่วนต่อขยาย 2 ช่วงจากสถานีพญาไท ไปยังสนามบินดอนเมือง และจากสถานีลาดกระบังไปยังสนามบินอู่ตะเภา พร้อมเชื่อมเข้าออกสนามบิน โดยใช้เขตทางเดิมของการรถไฟฯ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง เชื่อมกรุงเทพฯ กับในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ภายในระยะเวลาไม่เกิน 60 นาที แนวเส้นทางโครงการผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ประกอบด้วย 9 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง สถานีบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีสุวรรณภูมิ สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา สถานีอู่ตะเภา
ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุด งานส่งมอบพื้นที่ช่วงนอกเมือง สุวรรณภูมิ -อู่ตะเภา ให้เอกชน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2565 พร้อมเดินหน้าก่อสร้างแล้ว ส่วนงานส่งมอบพื้นที่ในเมือง ช่วงดอนเมือง -พญาไท มีความคืบหน้าแล้ว 73.75 % เตรียมส่งมอบให้เอกชนภายในเดือนตุลาคม 2566 คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2572
พล.อ.ประยุทธ์ผลักดันโครงการนี้ เนื่องจากเล็งเห็นประโยชน์ ที่จะตามมาที่ไม่ใช่เพียงระบบรางเชื่อมเชื่อม 3 สนามบิน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักใน EEC เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ที่ตามมาอีกมาก เช่น การเดินทางที่สะดวกทันสมัยจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น การจ้างงานในอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า 1 แสนตำแหน่ง เกิดเมืองใหม่ที่เป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ smart city ตามสองข้างทางที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน สามารถเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียนได้ พาประเทศพัฒนาเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำให้โครงการดำเนินการอย่างโปร่งใส และรัดกุม เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชชนและประเทศชาติ
#TheStructureNews
#รถไฟความเร็วสูง #ประยุทธ์จันทร์โอชา
ความคืบหน้ารถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี โดยรวมมีความก้าวหน้าแล้ว 98.03% ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี คืบหน้าแล้ว 30.23% คาดเปิดให้บริการปี 68
จ่อเก็บภาษีความเค็ม ปรับอัตราภาษีแบตเตอรี่ ‘อธิบดีสรรพสามิต’ ชี้การยกเลิกช่วงเวลาจำหน่วยสุรา ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว และเก็บภาษีได้มากขึ้น
นักกีฬากำลังมีบทบาทใน วงการแฟชั่นมากกว่านักแสดง สคต. ชี้แนวโน้มของการทำการตลาดผ่านนักกีฬามีมากขึ้น
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม