ฟ้องหมิ่นประมาท ส.ส. ก้าวไกล ‘นนท์’ ให้ข่าวว่าผู้ว่าฯ นนทบุรีสั่งหิ้วปีก ‘คุณากร’ ทั้งที่ผู้ว่าฯ ไม่มีส่วนรู้เห็น ชี้นนท์ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุไม่ทราบข้อเท็จจริง

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2567 นายเสฎฐวุฒิ คีรีพอน ตำแหน่ง นิติกรชำนาญการ ที่ทำการปกครองจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากนายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เข้าแจ้งความกับ สภ. นนทบุรีให้ดำเนินคดีความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 แก่นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี เขต 8 พรรคก้าวไกล

โดยเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากกรณีที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง กว่า 70 นาย บุกจับบ่อนพนันขนาดใหญ่ ในซอยหมู่บ้านพระปิ่น 3 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนักพนันได้ 328 ราย เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2567 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ดีนายคุณากร มั่นนทีรัย ส.ส. เขตนนทบุรี พรรคก้าวไกล ได้ออกแถลงข่าวที่รัฐสภา พร้อมทั้งโพสต์เฟสบุ๊ก เพจ “พรรคก้าวไกล นนทบุรี” เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567 โดยมีพาดหัวว่า “สส.ก้าวไกล โวยถูกปลัดจังหวัดหิ้วออกขณะสังเกตการณ์ฝ่ายปกครองทลายบ่อนบางใหญ่”

ซึ่งนายคุณากรกล่าวว่าตนเองได้เข้าร่วมการสังเกตการณ์การทลายบ่อนการพนันดังกล่าว ในฐานะ ส.ส. แต่ต่อมาเมื่อมีการย้ายตัวผู้ถูกจับกุมไปยังศาลาประชาคม อ.บางใหญ่ จ. นนทบุรี ตนเองกลับถูกเชิญออกนอกห้องประชุม โดยระบุว่า “ควรที่จะมีการถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน ไม่ต้องถึงขั้นหิ้วปีกก็ได้” 

ด้านนายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ส.ส. นนทบุรีเขต 8 พรรคก้าวไกลกล่าวในการแถลงที่รัฐสภาว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี (นายสุรี ทองแย้ม) สั่งให้ปลัดจังหวัดนนทบุรี หิ้ว ส.ส. ที่เข้าไปสังเกตุการทำงานออกมา โดยใช้การกระทำที่รุนแรง

ด้วยเหตุนี้ จังหวัดนนทบุรีได้พิจารณาเห็นว่า การให้ข่าวของนายนนท์ ที่กล่าวว่า “ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีสั่งให้ปลัดจังหวัดนนทบุรีหิ้วสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” นั้นอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดคิดว่านายสุธีใช้อำนาจและความรุนแรงต่อ ส.ส. ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว นายสุธี มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย

อีกทั้งนายนนท์ มิได้อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากข้อเท็จจริง แต่การกระทำดังกล่าวอาจทำให้นายสุธี ได้รับความเสื่อมเสียไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติยศ หรือทำให้ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดอาญาฐาน “หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328