News‘สภาอุตสาหกรรม’ กังวลรัฐบาลทำงบประมาณล่าช้า ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว

‘สภาอุตสาหกรรม’ กังวลรัฐบาลทำงบประมาณล่าช้า ไม่เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว

3 พ.ย. 66 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 34 ในเดือนตุลาคม 2566 ภายใต้หัวข้อ “เรื่องใดที่ภาคอุตสาหกรรมอยากเห็นในแผนการใช้งบประมาณปี 2567” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มีความกังวลต่อผลกระทบของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ล่าช้า 

 

และอาจส่งผลกระทบต่อการนำงบประมาณไปดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวแล้ว จากการประเมินของ สศช. GDP ไตรมาสที่ 2/2566 ที่ผ่านมา ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.8 ชะลอลงจากร้อยละ 2.6 ในไตรมาสที่ 1/2566 แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ด้วยข้อจำกัดในเรื่องระยะเวลาและเงื่อนไขต่างๆ อาจทำให้การจัดสรรงบประมาณฯ ไม่สามารถตอบโจทย์ในการลงทุนสร้างเศรษฐกิจในระยะยาวได้

 

จากผลสำรวจยังพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ คาดหวังให้รัฐบาลให้ความสำคัญและจัดสรรงบประมาณใช้จ่ายที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว อาทิ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมแบบมุ่งเป้าทั้งในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม รวมทั้ง การลงทุนด้านการจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้งและอุทกภัยในระยะยาว ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต

 

เมื่อถามถึงสิ่งที่ภาครัฐควรปรับการจัดทำงบประมาณและการใช้จ่ายงบประมาณในระยะยาว พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. แนะนำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบูรณาการวางแผนงบประมาณเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน 

 

มีการพัฒนาและนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการติดตามวัดผลประสิทธิภาพของการใช้จ่ายงบประมาณควบคู่กับการเปิดเผยข้อมูลให้มากขึ้น รวมถึงเร่งพัฒนากลไกการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ เช่น ปรับโครงสร้างภาษี, สร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเข้ามาในระบบภาษี (E-Tax Invoice, E-Withholding TAX) เป็นต้น

 

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 243 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 34 จำนวน 5 คำถาม ดังนี้

 

  1. ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าในเรื่องใด (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ความล่าช้าในการนำงบประมาณมาดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 63.4%

อันดับที่ 2 : การจัดสรรงบประมาณไม่ได้ตอบโจทย์ในการลงทุนสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว 56.8%

อันดับที่ 3 : การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐจะไปเร่งและกระจุกตัวอยู่ในช่วงไตรมาส 3, 4 46.5%

และส่งผลให้เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีแรกหดตัว

อันดับที่ 4 : โครงการลงทุนใหม่ๆ ของภาครัฐ ต้องหยุดชะงักหรือชะลอออกไป 44.4%

 

  1. รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณใช้จ่ายในเรื่องใดเพื่อให้ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม แบบมุ่งเป้า 63.0%

อันดับที่ 2 : ลงทุนด้านการจัดการน้ำทั้งระบบเพื่อแก้ไขปัญหาทั้งน้ำแล้งและอุทกภัย 52.7%

ในระยะยาว

อันดับที่ 3 : ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้บริโภค 51.9%

อันดับที่ 4 : พัฒนาระบบการศึกษาและบุคลากรรับรองความต้องการในอนาคต 48.6%

และยกระดับระบบสวัสดิการแรงงาน

 

  1. ภาครัฐควรจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างไร (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : มาตรการเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับ SME 71.6%

เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น

อันดับที่ 2 : จัดตั้งกองทุนเพิ่มผลิตภาพการผลิตสำหรับ SME ในการใช้ระบบ 53.9%

Automation & Robotics และส่งเสริมการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

อันดับที่ 3 : ส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในการซื้อสินค้าจาก SME ให้เพิ่มขึ้น 51.4%

จาก 41% เป็น 50% ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างฯ ในแต่ละปี

อันดับที่ 4 : เพิ่มวงเงินการส่งเสริมให้ SME ค้าขายระหว่างประเทศผ่านโครงการ 40.7%

SME Pro Active

 

  1. ภาครัฐควรปรับการทำงบประมาณและการใช้จ่ายงบประมาณในระยะยาวเรื่องใด (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : บูรณาการวางแผนงบประมาณเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน 68.7%

ระหว่างหน่วยงาน

อันดับที่ 2 : นำระบบดิจิทัลมาใช้ในการติดตามวัดผลประสิทธิภาพ 62.6%

ของการใช้จ่ายงบประมาณ และเปิดเผยข้อมูลให้มากขึ้น

อันดับที่ 3 : พัฒนากลไกการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ เช่น ปรับโครงสร้างภาษี, 56.4%

สร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเข้ามาในระบบภาษี เป็นต้น

อันดับที่ 4 : วางแผนในการลดความเสี่ยงจากภาระผูกพันงบประมาณ 38.3%

และให้ Outsource งานให้เอกชนดำเนินการ

 

  1. หน่วยงานใดควรได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาว (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : กระทรวงอุตสาหกรรม 68.3%

อันดับที่ 2 : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 51.0%

อันดับที่ 3 : กระทรวงพาณิชย์ 42.8%

อันดับที่ 4 : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 41.6%

อันดับที่ 5 : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 36.6%

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า