NewsEV ไม่ใช่ของใหม่ ประเทศไทยเคยมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว

EV ไม่ใช่ของใหม่ ประเทศไทยเคยมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว

ทุกวันนี้ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้กลายมาเป็นยานยนต์แห่งอนาคต ที่ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นหนทางในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนบนท้องถนน เป็นส่วนหนึ่งของการลดปัญหามลพิษทางอากาศ อีกทั้งยังกลายมาเป็นอุตสาหกรรมใหม่ ที่ได้รับความคาดหวังจากรัฐบาลไทย ที่จะผลักดันให้ประเทศไทย กลายมาเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค

 

โดยแผนดังกล่าวได้ถูกบรรจุลงในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561 2580 กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ First S Curve ของประเทศ 

 

แต่ถึงแม้ว่ายานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นกระแสใหม่ของศตวรรษที่ 21 แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในคิดในการสร้างยานยนต์ไฟฟ้านั้นมีมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 แล้ว จากการค้นพบไฟฟ้า, มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ จนกระทั่งช่วง ค.ศ. 1890s – 1910s ที่ถือได้ว่าเป็นยุคทองของยานยนต์ไฟฟ้ายุคแรก มีการผลิตรถแท๊กซี่ไฟฟ้าเพื่อให้บริการในลอนดอน และนิวยอร์ค

 

ใน ค.ศ. 1898 จึงมีการก่อตั้งบริษัท อิเล็กทริก วิฮีเคิล คอมพานี (Electric Vehicle Company) ขึ้น เพื่อจำหน่าย EV เชิงพาณิชย์แห่งแรกขึ้นในอเมริกา และในยุครุ่งเรืองนั้น ยานยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างสูงในยุโรปและอเมริกา เนื่องจากยานยนต์ไฟฟ้านั้น เงียบกว่า, สั่นสะเทือนน้อยกว่า และไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์เหมือนยานยนต์สันดาป

 

อย่างไรก็ดี ในยุครุ่งเรืองของ EV ยุคแรกนั้นปรากฏหลักฐานว่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอุรุพงษ์รัชสมโภช พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถือพวงมาลัยของยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัท คาร์ล ออปเปอร์มานน์ อิเล็กทริก คาริเอจ จำกัด จากอังกฤษ ซึ่งผลิตและส่งมายังประเทศไทย ใน ค.ศ. 1906

 

นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ เดลี่ แอริโซนา ซิลเวอร์ เบลท์ ของอเมริกา ได้ตีพิมพ์โฆษณารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท เบเกอร์ อิเล็กทริก คาร์ จำกัด เมื่อปี ค.ศ. 1909 ระบุว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของบริษัทอีกด้วย

 

แต่เมื่อมาถึงยุค ค.ศ. 1920s – 1950s โลกค้นพบแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ อีกทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานเครื่องยนต์สันดาป ได้รับการพัฒนาได้ดีกว่ายานยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งยานยนต์สันดาปมีความสามารถในการทำความเร็วได้ดีกว่า และวิ่งได้ไกลกว่า กระแสความนิยมใน EV จึงเสื่อมคลายลงไป


โดย ศิราวุธ ภุมมะกสิกร

อ้างอิง 

[1] ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561 2580, https://www.nesdc.go.th/download/document/SAC/NS_SumPlanOct2018.pdf 

[2] Looking back to electric cars, https://ieeexplore.ieee.org/document/6487583 

[3] THE SURPRISINGLY OLD STORY OF LONDON’S FIRST EVER ELECTRIC TAXI, https://blog.sciencemuseum.org.uk/the-surprisingly-old-story-of-londons-first-ever-electric-taxi/ 

[4] Hailing the History of New York’s Yellow Cabs, https://www.npr.org/2007/07/08/11804573/hailing-the-history-of-new-yorks-yellow-cabs
[5] EVAT Directory 2017 – 2018, https://evat.or.th/images/evinfo/directory/pdf/5.pdf 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า