
GDP น่าจะโต 4.3% แบงค์ชาติคาดการณ์เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ชี้นักเที่ยวเข้าไทยน่าจะถึง 16 ล้านคน
วันนี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน “ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยพบสื่อมวลชน” ณ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยในงานนี้ นายเศรษฐพุฒิ ได้บรรยายถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลก และผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้
ปี 63-64 เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ GDP ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยนั้นหดตัว
เริ่ม ก.พ. 65 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้นจาก 80 เป็น 123 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เงินเฟ้อทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นตาม
มี.ค. 65 ธนาคารกลางหลักพร้อมใจกันขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงสุดเป็นประวัติการณ์ ค่าเงิน USD แข็งแตะระดับสูงในรอบ 20 ปี ซึ่งส่งผลให้บาทอ่อนมากสุดในรอบ 16 ปี ที่ 38.4 บาท
และ ตั้งแต่เดือนนี้ พฤษภาคม ปัญหาในตลาดคลิปโต และภาคธนาคารในต่างประเทศ ผุดขึ้นมา เงินฝากในธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ (SVB) ถูกแห่ถอนออกกว่า 80% และธนาคารเครดิตสวิส ที่เป็นธนาคารเก่าแก่อายุกว่า 167 ปี ถูกเทคโอเวอร์ เพื่อพยุงระบบเศรษฐกิจสวิสไม่ให้ล่มสลายตามไปด้วย
ซึ่งผลกระทบจากปัญหาในภาคตลาดคลิปโต และธนาคารต่างประเทศนี้ ระบบการเงินไทยได้รับผลกระทบ “จำกัด”
ธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงความมั่นใจว่า “แต่เรายังผ่านมาได้ :เศรษฐกิจฟื้นตัว เสถียรภาพแข็งแรง” อีกทั้งแสดงรายละเอียดการพยากรณ์เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ซึ่งมีภาพรวมโดยสรุปว่า “เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่อง” ครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก GDP โตขึ้น 4.3%, มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 16 ล้านคน และมูลค่าส่งออกเพิ่ม 4.2%
ด้านหนี้สินครัวเรือน แม้จะยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ แต่ยังไม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับในฝั่งของเจ้าหนี้อย่างสถาบันการเงินซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าปัญหาหนี้ครัวเรือนจะไม่ลุกลามไปเป็นปัญหาของระบบการเงินอย่างแน่นอน