News5 กรรมการ กสทช. รอดคดี ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง ชี้ปฏิบัติถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว กรณีมีมติรับทราบให้รวมกิจการ ‘ทรู-ดีแทค’

5 กรรมการ กสทช. รอดคดี ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง ชี้ปฏิบัติถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว กรณีมีมติรับทราบให้รวมกิจการ ‘ทรู-ดีแทค’

ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง กรรมการกสทช. 5 คน มีมติรับทราบให้ควบรวมกิจการ “ทรู-ดีแทค”ไม่ผิดมาตรา 157 ชี้ปฏิบัติถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา (ชั้นตรวจฟ้อง) คดีหมายเลขดำที่ อท 199/2565 ที่ น.ส.ธนิกานต์ บำรุงศรี ยื่นฟ้อง ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), นายต่อพงศ์ เสลานนท์,พลอากาศโท ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, ศาสตราจารย์ พิรงรอง รามสูต, และรองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย ทั้งหมดเป็นกรรมการ กสทช. จำเลยที่ 1-5 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ

 

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า โจทก์เป็นผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) AIS หมายเลข จึงเป็นผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองสิทธิจากการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช.วันที่ 20 ต.ค.65 จำเลยทั้งห้าร่วมกัน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในคราวประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 วาระการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจระหว่างบริษัททรูและบริษัทดีแทค 

 

ผลการประชุมปรากฏว่า จำเลยทั้งห้ามีมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เสียง ลงมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค โดยจำเลยทั้งห้าจัดให้มีการประชุมและลงมติ โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและ ประชาชนทั่วไป ไม่นำรายงานฉบับสมบูรณ์ของที่ปรึกษาต่างประเทศมาพิจารณาประกอบ และรับฟังความคิดเห็นของบริษัทที่ปรึกษาอิสระ (บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด) 

 

ถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน ต่อกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง จําเลยที่ 2 ไม่มีความเป็นกลางและมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัททรู จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 2 ลงมติรับทราบเรื่องการรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัททรูและบริษัทดีแทคเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นการมิชอบ การที่จำเลยที่ 3 ในฐานะประธาน กสทช. เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการ กสทช. ใช้สิทธิลงมติ 2 ครั้ง ในการประชุมวาระการพิจารณา เรื่อง การรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัทรูกับบริษัทดีแทค เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้อง 

 

การที่จำเลยที่ 3ใช้สิทธิลงมติ งดออกเสียงในการประชุมในวาระดังกล่าวเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ กฎ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ชอบ การออกมาตรการเฉพาะของจำเลยทั้งห้าที่กำหนดเกี่ยวกับเรื่องการรวมธุรกิจระหว่างบริษัททรูกับบริษัทดีแทค ขัดแย้งต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขอให้ลงโทษจําเลยทั้งห้าตามประมวลอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83

ศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง พิจารณาแล้วมีคำวินิจฉัยดังนี้ 

 

  1. พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา 28 บัญญัติให้ กสทช. จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไปก่อนออกระเบียบ ประกาศ หรือ คำสั่งเกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลเป็นการใช้บังคับทั่วไป 

แต่สำหรับกรณีการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค เป็นการพิจารณาเพื่อมีมติหรือมีคำสั่งเกี่ยวข้องหรือผูกพันเกี่ยวกับผู้รับใบอนุญาตเฉพาะราย คือ บริษัททรูและบริษัทดีแทคเท่านั้น ไม่ได้มีผลบังคับเป็นการทั่วไป จำเลยทั้งห้าจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและผู้มีส่วนได้เสียหลักก่อน ส่วนกรณีไม่นำรายงานฉบับสมบูรณ์ของที่ปรึกษาต่างประเทศมาพิจารณาประกอบ และการรับฟังความคิดเห็นของที่ปรึกษาอิสระ จำเลยทั้งห้าปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ประกาศ ระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการแล้ว

2.จําเลยที่ 2 ไม่ได้มีส่วนได้เสียกับเรื่องที่พิจารณา จึงไม่มีเหตุต้องห้ามมิให้พิจารณา เรื่องทางปกครอง ไม่ปรากฏว่ากลุ่มบริษัททรูมีพฤติการณ์แทรกแซงการทำงานของจำเลยที่ 2 จนขาดอิสระในการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. จำเลยที่ 2จึงสามารถเข้าร่วมประชุม กสทช. เพื่อพิจารณาและมีมติเกี่ยวกับการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทคได้

3.การรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทคไม่ใช่เป็นการเข้าซื้อหุ้นหรือถือหุ้น เกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น หรือเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมด หรือบางส่วนเพื่อควบคุมนโยบายหรือการบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น แต่เป็นการรวมธุรกิจ ที่บริษัทจํากัด (มหาชน) 2 บริษัทขึ้นไปควบรวมกันแล้วนำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทจํากัด (มหาชน) ขึ้นใหม่ 

 

โดยบริษัททรูและบริษัทดีแทคสิ้นสภาพจากการเป็นนิติบุคคลเดิม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่น ความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 27(11) และ พรบ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544 มาตรา 21และมาตรา 22 ไม่ได้บัญญัติให้อำนาจ กสทช. ในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาต รวมธุรกิจของผู้รับอนุญาตแต่อย่างใด เพียงแต่ให้อำนาจ กสทช. เฉพาะในเรื่องการกำหนดมาตรการ การป้องกันการกระทำอันเป็นการผูกขาดเท่านั้น 

 

และที่ผ่านมา กสทช. เคยพิจารณารายงานการรวม ธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้งหมด 9กรณี และ 9 กรณีดังกล่าว ได้มีการลงมติ เพียงรับทราบรายงานการรวมธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตทั้งสิ้น ไม่มีกรณีใดที่ กสทช. มีมติอนุญาต หรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 เเละ 2 ลงมติรับทราบรายงานการรวมธุรกิจ ระหว่างบริษัททรูและบริษัทดีแทคจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายทุกประการ

4. การประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 วาระการพิจารณารายงานการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค กรณีจึงต้องบังคับตามข้อ 41วรรคสาม ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมฯ พ.ศ. 2555 โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นประธานของคณะกรรมการ กสทช. ออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด ทำให้การวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการ กสทช


มีเสียงของผู้เห็นด้วยว่า การรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทคไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการ ประเภทเดียวกัน การลงมติของจําเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทําที่ถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

5.พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 มาตรา 23 วรรคหนึ่ง กําหนดให้การประชุม การลงมติและการปฏิบัติงานของ กสทช. ให้เป็นไปตามระเบียบที่ กสทช. กำหนด ระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมฯ มิได้มีข้อกำหนดให้กรรมการ กสทช. ต้องออกเสียงทุกครั้งทุกคราวที่มีการประชุม และมิได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการงดออกเสียงไว้ การที่จำเลยที่ 3 งดออกเสียงในการประชุมพิจารณาการรวมธุรกิจของบริษัททรูและบริษัทดีแทค โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอื่น จึงไม่มีเหตุแห่งการที่จะพิจารณาว่าจำเลยที่ 3 กระทำการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

 

6.มาตรการเฉพาะที่จําเลยทั้งห้ากําหนดเกี่ยวกับเรื่องการรวมธุรกิจระหว่างบริษัททรูกับบริษัทดีแทค ได้พิจารณาข้อกังวลในหลายประเด็น ได้แก่ อัตราค่าบริการและสัญญาการให้บริการ การเข้าสู่ตลาดและประสิทธิภาพการแข่งขันและการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย คุณภาพ การให้บริการ การถือครองคลื่นความถี่ การใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน และเศรษฐกิจของประเทศ นวัตกรรมและความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์และบทบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560(มาตรา 77) วรรคสาม ทั้งยังเป็นการปฏิบัติ ตามพรบ.องค์กรจัดสรรขึ้นความถี่ฯ พ.ศ. 2553มาตรา 27(11) และพรบ. ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2544มาตรา 21,22

ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งห้ากระทำผิดตามฟ้อง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบกับพรบ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559มาตรา 6วรรคหนึ่ง โดยไม่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนมูลฟ้องต่อไป พิพากษายกฟ้อง

สำหรับคดีนี้โจทก์ได้ฟ้องเมื่อวันที่ 14 พ.ย.2565 ศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง 3 นัด และให้คู่ความชี้แจง รวมระยะตั้งแต่วันฟ้องถึงวันอ่านคำสั่งหรือคำพิพากษาเวลา 3เดือน 17วัน

 

#TheStructureNews

#กสทช #ดีแทค #ทรู

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า