Uncategorizedราคากาแฟพุ่ง เกษตรกรแห่ปลูกทุเรียน เหตุ ‘เวียดนาม’ ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอันดับ 2 โลก หันไปปลูกทุเรียน เพื่อส่งออกตลาดจีน

ราคากาแฟพุ่ง เกษตรกรแห่ปลูกทุเรียน เหตุ ‘เวียดนาม’ ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอันดับ 2 โลก หันไปปลูกทุเรียน เพื่อส่งออกตลาดจีน

ราคาเมล็ดกาแฟโรบัสต้าตลาดล่วงหน้าลอนดอน (London Futures) พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ในช่วงปลายเดือน เม.ย. ที่ 4,500 ดอลลาร์ต่อตัน (1.65 แสนบาท) เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย การบริโภคกาแฟที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย และความนิยมบริโภคทุเรียนในจีน

 

เวียดนามเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกและเป็นผู้ผลิตกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่ที่สุด แต่ปัจจุบันเกษตรกรเวียดนามจำนวนมากขึ้นหันไปปลูกทุเรียนแทน เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเวียดนามส่งออกทุเรียนไปจีนทะลุ 2,000 ล้านดอลลาร์ (7.35 หมื่นล้านบาท) ในปี 2023 เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อไปในปีนี้

 

การที่เกษตรกรเวียดนามหันไปปลูกทุเรียนทำให้พื้นที่ปลูกกาแฟลดลง ส่งผลให้ผลผลิตกาแฟลดลง นอกจากนี้ การต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การหาพื้นที่ใหม่สำหรับปลูกกาแฟทำได้ยากยิ่งขึ้น

 

แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตอุปทานกาแฟในเวียดนามที่รุนแรงมากขึ้นอันเนื่องมาจากปรากฏการณ์สภาพอากาศเอลนีโญ ซึ่งทำให้เกิดภัยแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

องค์การกาแฟระหว่างประเทศ (ICO) ระบุว่า ผลผลิตกาแฟของเวียดนามระหว่างเดือน ต.ค. 2022 ถึง ก.ย. 2023 อยู่ที่ 29.2 ล้านถุง (60 กก.) ลดลง 9.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี

 

ผู้ขายเมล็ดกาแฟรายหนึ่งในโฮจิมินห์ กล่าวว่า  “อากาศร้อนเกินไปและมีน้ำไม่เพียงพอ กาแฟจึงเติบโตได้ไม่ดี” 

 

อีกปัจจัยหนึ่งคือบริษัทใหญ่ๆ ในยุโรปและสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจากพันธุ์อาราบิก้าระดับไฮเอนด์ ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มาเป็นพันธุ์โรบัสต้าที่มีราคาไม่แพงนัก เพื่อตอบสนองต่อต้นทุนการขนส่งและเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น บริษัทค้าหลักทรัพย์ Marubeni ของญี่ปุ่น กล่าว

 

นอกจากนี้ ปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่นการบริโภคกาแฟที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน ต่างก็มีส่วนหนุนให้ราคากาแฟพุ่งขึ้นเช่นกัน โดยการบริโภคกาแฟในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2022 ถึง ก.ย. 2023 อยู่ที่ 44.5 ล้านถุง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 1 ใน 4 ของการบริโภคทั่วโลก และเพิ่มขึ้น 12% จากช่วง 4 ปีก่อนหน้า ขณะที่การบริโภคกาแฟทั่วโลกโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียง 1% ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

(1 ดอลลาร์  = 36.76 บาท)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า