Newsชูวิทย์แฉเศรษฐา จงใจช่วยนายทุนหลบเลี่ยงภาษี อ้างเอกสารมีลายเซ็น ‘เศรษฐา’ โอนที่ดิน 12 คน 12 วันติดกัน

ชูวิทย์แฉเศรษฐา จงใจช่วยนายทุนหลบเลี่ยงภาษี อ้างเอกสารมีลายเซ็น ‘เศรษฐา’ โอนที่ดิน 12 คน 12 วันติดกัน

วันนี้ (3 ส.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จัดแถลงข่าว “แฉเพื่อชาติ EP 1” เปิดเผยข้อมูลการทำนิติกรรมอำพรางของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ซึ่งกำลังจะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

 

นายชูวิทย์กล่าวถึงโฉนดที่ดินหมายเลข 16515 บนถนนสารสิน แขวงลุมพนี กรุงเทพมหานคร ขนาด 1 ไร่ หรือ 399.7 ตารางวา  มูลค่าตารางวาละ 4 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคาที่ดินแพงที่สุดในไทย โดยแต่เดิมเป็นของทายาทนายพจน์ สารสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะโอนขายให้ท่านผู้หญิงนงเยาว์ และนางประไพตามลำดับ ก่อนที่จะมีการแปลงทรัพย์สินเป็นของบริษัทประไพทรัพย์ ในปี 2527

โฉนดดังกล่าวมีชื่อของคณะบุคคลอยู่ 12 คน คือ นางประไพ และลูกหลาน มีการชำระภาษีที่กรมที่ดิน 59.2 ล้านบาท แต่ไม่ได้จ่ายภาษีสรรพสามิต อัตราก้าวหน้า 35% จำนวน 521 ล้านบาท โดยนายชูวิทย์ระบุว่า 12 คน แยกโอน 12 วันติดต่อกัน หรือ 1 วันต่อ 1 คน ไม่เข้าคณะบุคคล หรือหุ้นส่วนสามัญ แต่เป็นบุคคลธรรมดา จ่ายภาษีที่กรมที่ดินรวม 59.2 ล้าน ถือเป็นนิติกรรมอำพราง

 

“นิติกรรมอำพรางแบ่งขาย 12 คน 12 วัน จ่ายเฉพาะกรมที่ดิน 59.2 ล้านบาท ทำให้รัฐไม่ได้ภาษี 521 ล้านบาท นายพิธาถือหุ้นไอทีวี 4 หมื่นหุ้น ยังไม่ได้ทำความเสียหายให้รัฐแม้แต่บาทเดียว แต่นายเศรษฐา ร่วมกระทำความผิดโดยการหลีกเลี่ยงภาษีให้ผู้ขาย 521 ล้าน ทำให้รัฐไม่ได้เงิน” นายชูวิทย์กล่าว

ผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากทั้ง 12 คน คือบริษัทแสนสิริ ในปี 2562 ซึ่งแสนสิริไม่อาจปฏิเสธการรับรู้ได้ เพราะผู้ขายเสนอวิธีการขายแบบเลี่ยงภาษี อีกทั้งในเวลานั้น ราคาประเมินที่ดินผืนดังกล่าวคือตารางวาละ 1 ล้านบาท แต่แสนสิริกลับซื้อในราคาตารางวาละ 4 ล้านบาท 

 

นายชูวิทย์กล่าวว่า ในเวลานั้นนายเศรษฐาเป็นกรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ ซื้อที่ดินทั่วประเทศ ซึ่งถึงแม้ว่านายเศรษฐาจะเคยปฏิเสธว่าไม่รู้ แต่ตนเองกลับทำรายการประชุมมีลายเซ็นรับรอง ทำรายงานการประชุมวันเดียว ฉบับเดียว แต่แตกออกเป็น 12 วัน 12 คน นายชูวิทย์จึงเชื่อว่านายเศรษฐาให้ความร่วมมือกับผู้ขายในการหลบเลี่ยงภาษี

 

นายชูวิทย์ยังอ้างด้วยว่ามีเอกสารรับรองการประชุมเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 62 ซึ่งนายเศรษฐาเป็นผู้เซ็นรับรองการประชุมเป็นหลักฐานบ่งชี้เจตนาว่าร่วมกับคนขายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน โดยอ้างแนวคำวินิจฉัยของกรมสรรพากร ซึ่งบ่งชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นหุ้นส่วนสามัญ และต้องนำสวนแบ่งกำไรเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี 

 

ถึงแม้ว่าบริษัทจะชี้แจงว่าการเสียภาษีดังกล่าวเป็นภาระของผู้ขาย (ผู้มีรายได้) ไม่ใช่ของผู้ซื้อ แต่นายชูวิทย์ก็ยังตั้งคำถามว่าเรื่องแค่นี้ยังจงใจเลี่ยงภาษี แล้วถ้าเป็นนายกฯ แล้วจะไม่ช่วยนายทุน เขาเลี่ยงภาษีหรือ



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า