
จีนครองแผงพลังงานแสงอาทิตย์โลก บริษัท Wood McKenzie ชี้ จีนจะครองห่วงโซ่อุปทาน แผงพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกไปอีกหลายปี
รายงานของบริษัทที่ปรึกษา วูด แมคเคนซี ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (7 พ.ย.) ระบุว่า จีนจะมีกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 80% ของโลก จนถึงปี 2569 และจะสามารถตอบสนองความต้องการทั่วโลกได้ในทศวรรษหน้า
การคาดการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ และอินเดีย กำลังให้เงินอุดหนุนการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาสินค้าที่ผลิตในจีน เพื่อบรรลุเป้าหมายพลังงานสะอาด
รายงานระบุว่า จีนได้ลงทุนกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์ (4.62 ล้านล้านบาท) ในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ในปีนี้ และจะนำไปสู่การผลิต เวเฟอร์พลังงานแสงอาทิตย์ และแผงโซลาร์เซลล์มากกว่า 1 เทราวัตต์ ภายในปี 2567 ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการประจำปีทั่วโลกจนถึงปี 2575
การขยายกำลังการผลิตเชิงรุกส่งผลให้ราคาแผงโซลาร์เซลล์ลดลงอย่างมากในปีนี้ และกระตุ้นให้เกิดความกังวลในหมู่ผู้ผลิตในสหรัฐฯ ที่พึ่งพาการผลิตในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
“แม้ประเทศต่างๆ จะมีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาแผงโซลาร์ในท้องถิ่น แต่จีนจะยังคงครองห่วงโซ่อุปทานพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลก และยังคงขยายช่องว่างด้านเทคโนโลยีและต้นทุนกับคู่แข่งต่อไป” Huaiyan Sun ผู้เขียนรายงาน กล่าวในแถลงการณ์
(1 ดอลลาร์ = 35.54 บาท)