วิจัยจีนแซงหน้าสหรัฐฯ ไปแล้ว สถาบันวิจัยออสเตรเลียชี้ จีนแซงหน้าสหรัฐฯ ด้านเทคโนโลยีอุบัติใหม่ในเกือบทุกด้าน

สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute : ASPI) เปิดเผยเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2566 ว่าเทคโนโลยีอุบัติใหม่ (emerging technologies) ของจีนแซงหน้าสหรัฐฯ มากถึง 37 รายการจากทั้งหมด 44 รายการ ทั้งด้านอวกาศ เทคโนโลยีชีวภาพ พลังงาน เทคโนโลยีป้องกันการติดตาม ฯลฯ 

เนื่องจากสหรัฐฯ ได้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันระดับโลกด้านการวิจัยให้แก่จีนไปแล้ว

ASPI ระบุว่า สหรัฐฯ มักจะอยู่ในอันดับที่สองรองจากจีนในด้านเทคโนโลยีอุบัติใหม่ ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้นำในการวิจัยระดับโลกด้านเทคโนโลยีการประมวลผลสมรรถนะสูง (High-performance computing: HPC) เทคโนโลยีการคำนวณเชิงควอนตัม ดาวเทียมขนาดเล็ก และวัคซีนก็ตาม

“ประเทศตะวันตกกำลังสูญเสียความสามารถด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยีระดับโลก รวมถึงการแข่งขันเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการวิจัย” ASPI ระบุ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลของชาติตะวันตกเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัย และให้ชาติตะวันตกร่วมมือกันสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มั่นคง และ พัฒนาเทคโนโลยีที่มีความสำคัญด้านยุทธศาสตร์ให้รวดเร็วขึ้น”

จีนได้กลายเป็นผู้นำในงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงภายใต้โครงการต่างๆ ของรัฐบาล โดยสัดส่วนงานวิจัยที่มีผลกระทบสูงของจีน เช่น เทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง เครื่องยนต์อากาศยานที่ล้ำสมัย ฯลฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคิดเป็นสัดส่วนถึง 48.49% และจีนยังเป็นฐานที่ตั้งของสถาบันวิจัยระดับท็อปเท็นของโลกถึง 7 แห่ง

นอกจากนี้ จีนยังมีแนวโน้มสูงที่จะผงาดขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งและผูกขาดเทคโนโลยีใน 10 สาขา ซึ่งรวมถึงในด้านชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology) แบตเตอรี่ไฟฟ้า เทคโนโลยีในการสร้างหรือผลิตอุปกรณ์ในระดับนาโน และเทคโนโลยี 5G

ASPI ยังระบุด้วยว่า ความสามารถด้านการวิจัยที่แข็งแกร่งของจีนด้านเทคโนโลยีตรวจจับภาพ (photonic sensors) และการสื่อสารเชิงควอนตัม (Quantum communication) อาจส่งผลให้การสอดแนมของกลุ่ม Five Eyes (อันประกอบไปด้วยสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์) ไม่สามารถตรวจจับข้อมูลข่าวสารได้อย่างที่เคยทำ