อังกฤษเข้าร่วม CPTPP พร้อมบรรลุข้อตกลงการค้าครั้งประวัติศาสตร์ หวังกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคต
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษประกาศเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership : CPTPP) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว หลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
นายกรัฐมนตรี ริชี ซูนัค กล่าวในแถลงการณ์ว่า “การเข้าร่วม CPTPP จะทำให้สหราชอาณาจักรได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิกซึ่งมีพลวัตและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่อังกฤษจะได้รับอย่างแท้จริงจากการมีเสรีภาพหลัง Brexit”
รัฐบาลอังกฤษระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะลดอัตราภาษีสำหรับการส่งออกอาหาร เครื่องดื่ม และรถยนต์ และจะให้สิทธิ์การเข้าถึงตลาดที่มีประชากรประมาณ 500 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 1,800 ล้านปอนด์ (ราว 7.6 หมื่นล้านบาท) ในระยะยาว และเพิ่มค่าจ้างอีกราว 800 ล้านปอนด์ (ราว 3.38 หมื่นล้านบาท) เมื่อเทียบกับระดับค่าจ้างในปี 2562
ในปัจจุบัน CPTPP มีสมาชิก 11 ประเทศ ประกอบไปด้วย ญี่ปุ่น แคนาดา เม็กซิโก เปรู ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน และ เวียดนาม โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมกันมูลค่ากว่า 11 ล้านล้านปอนด์ (ราว 465 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ของ GDP โลก ทั้งนี้คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 15% ของ GDP โลกเมื่อสหราชอาณาจักรเข้าร่วมกลุ่มการค้า
ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะลงนามอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปีนี้ หลังจากได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากรัฐสภาและประเทศสมาชิกทั้ง 11 ประเทศ
แต่ถึงกระนั้นก็ต้องรอดูต่อไปว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมากน้อยเพียงใด เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษประมาณการว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะเพิ่ม GDP ภายในประเทศในระยะยาวเพียง 0.08% ซึ่งจะช่วยชดเชยการสูญเสียทางการค้าในยุโรปอันเป็นผลมาจาก Brexit ได้เพียงเล็กน้อย
(1 ปอนด์ = 42.23 บาท)