บางกอกแอร์เวย์สเพิ่มการลงทุนในโครงการสนามบินอู่ตะเภา 4,725 ล้านบาทมุ่งยกระดับ EEC พัฒนา ‘มหานครการบินภาคตะวันออก’ ผลักดันไทยเป็น ‘ศูนย์กลางทางการบินและประตูสู่เอเชีย’
25 พ.ค. 66 บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ผู้ประกอบการธุรกิจการบิน และขนส่งทางอากาศ “บางกอกแอร์เวย์ส” ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการลงทุนใน หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA คิดเป็นเงินลงทุนจำนวน 4,725 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 45% ของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัดซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาและบริหารสนามบินในโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มีทุนจดทะเบียนและทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วจำนวน 4,500 ล้านบาท
และเนื่องจากบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด มีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมเงินทุนให้มีความพร้อมต่อการดำเนินงานโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จึงได้มีหนังสือแจ้งการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากจำนวน 4,500 ล้านบาท เป็น 15,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 10,500 ล้านบาท
สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญของ อีอีซี มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น “สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลัก แห่งที่ 3″ เชื่อมสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง ทำให้ทั้ง 3 สนามบินสามารถรองรับผู้โดยสารรวมกันได้มากถึง 200 ล้านคนต่อปี
นอกจากนี้ โครงการฯ จะทำให้เกิดศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจเป้าหมาย โดยเฉพาะการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว, การขนส่งและการบิน” รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของ “มหานครการบินภาคตะวันออก” พัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย โดยเข้าเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯ และปริมณฑลไปทางตะวันออก ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้สะดวกทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น ศูนย์กลางทางการบินและประตูเศรษฐกิจสู่เอเชีย
โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก อยู่ในระหว่างการปรับแผนพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาอยู่ในช่วงการขยายเฟสการพัฒนาจาก 4 เฟส เป็น 6 เฟส โดยปรับเฟส 1 จากเดิมรองรับผู้โดยสารได้ 15.9 ล้านคนต่อปี เป็น 12 ล้านคนต่อปี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 เฟสแรก ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี คาดว่าเปิดให้บริการได้ในปี 2570