Newsจากดินแดน ‘ปืนเสรี’ สู่ชาติที่แทบปลอดเหตุกราดยิง ถอดบทเรียนกรณีออสเตรเลีย กับนโยบายคุมปืนที่แสนเข้มงวด

จากดินแดน ‘ปืนเสรี’ สู่ชาติที่แทบปลอดเหตุกราดยิง ถอดบทเรียนกรณีออสเตรเลีย กับนโยบายคุมปืนที่แสนเข้มงวด

ประเด็นเรื่อง “การเข้มงวดเรื่องอาวุธปืน” มักเป็นประเด็นโต้เถียงรุนแรงในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งมักแบ่งเป็น 2 มุมมองหลัก คือ มุมมองแรกมองว่า ควรจะเสรีปืนหรือให้สิทธิ์ประชาชนทั่วไปในการครอบครองอาวุธป้องกันตัวอย่างเต็มที่ และมุมมองหลังที่มองว่า ควรจะเข้มงวดในเรื่องสิทธิ์การครอบครองอาวุธเพื่อลดจำนวนอาวุธในมือลง โดยทั้ง 2 มุมมองนี้ได้โต้เถียงด้วยเหตุผลนานานัปการ

 

ทั้งนี้ เรื่องการโต้แย้งรุนแรงเช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียเช่นเดียวกัน โดยก่อนหน้า ค.ศ.1996 นั้น ออสเตรเลียได้มีนโยบายในเรื่องการครอบครองอาวุธที่ไม่ได้เข้มงวดมากนักและประชาชนสามารถเข้าถึงอาวุธประจำกายที่มีอำนาจการยิงสูง ๆ ได้ ซึ่งจะคล้ายคลึงกับหลายมลรัฐในสหรัฐอเมริกาปัจจุบันที่มีนโยบายนี้

 

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ออสเตรเลียเปลี่ยนนโยบายการครอบครองอาวุธไปอีกหน้าหนึ่ง ก็คือโศกนาฎกรรมพอร์ตอาเทอร์ (Port Arthur Massacre) ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน ค.ศ.1996 ที่เมืองพอร์ตอาเทอร์ รัฐแทสมาเนีย โดยผู้ก่อเหตุได้นำปืนไรเฟิลจู่โจมกึ่งอัตโนมัติในการกราดยิงคนจนมีผู้บาดเจ็บ 24 ราย รวมผู้ก่อเหตุ และมีผู้เสียชีวิต 35 ราย ซึ่งได้สร้างความสะเทือนขวัญให้แก่สังคมออสเตรเลียเป็นอย่างมาก

 

เพราะลักษณะการก่อเหตุได้มีการกราดยิงตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง พร้อมกับลักขโมยรถยนต์เพื่อก่อเหตุ นอกจากนี้ในช่วงสุดท้ายที่ถูกตำรวจปิดล้อมในบ้านพักแห่งหนึ่งก็ได้วางเพลิงทรัพย์สินผู้อื่น ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมในหลายข้อหาซึ่งโทษที่ได้รับคือ โทษจำคุกตลอดชีวิต 35 ครั้ง รวมกับโทษจำคุกอีก 1652 ปี โดยไม่มีสิทธิ์ขอทัณฑ์บนหรือปล่อยตัวก่อนกำหนดแต่อย่างใด

 

รายละเอียดข้อหาที่ถูกสั่งฟ้องก็มีตั้งแต่ ข้อหาฆาตกรรม 35 กรรม ข้อหาพยายามฆาตกรรม 20 กรรม ข้อหาทำร้ายร่างกายรุนแรงสาหัส 3 กรรม ข้อหาทำร้ายร่างกายทั่วไป 8 กรรม และข้อหาวางเพลิง 2 กรรม โดยเมื่อถูกจำคุกระยะหนึ่งก็ได้มีความพยายามในการฆ่าตัวตายในช่วง ค.ศ.2007 แต่ไม่สำเร็จ และก็ถูกคุมขังที่เรือนจำความปลอดภัยสูงสุดในรัฐแทสมาเนียมาจนถึงปัจจุบัน

 

ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้สร้างความวิตกกังวลขนานใหญ่ให้กับประชาชนออสเตรเลียเป็นจำนวนมากในเรื่องความปลอดภัยของสาธารณชนจากการถูกกราดยิงหรือการฆาตกรรมอีกครั้ง เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์การกราดยิงอยู่หลายครั้งในประเทศออสเตรเลีย ประกอบกับในสหรัฐอเมริกาช่วงขณะนั้นก็มีเหตุกราดยิงรุนแรงบ่อยครั้งอยู่เช่นกัน 

 

จึงทำให้มีการรณรงค์จากภาคประชาสังคมเป็นจำนวนมากให้ภาครัฐมีการควบคุมการครอบครองอาวุธให้เข้มงวดเพื่อที่จะลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์การกราดยิงอีกครั้ง ซึ่งการรณรงค์เหล่านี้ก็รวมถึงการส่งจดหมายไปถึงนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียโดยตรงในเรื่องนี้ เพื่อขอให้มีการปรับนโยบายการครอบครองอาวุธให้เข้มงวดเพื่อทำให้สังคมออสเตรเลียรู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้น

 

และจากกระแสสังคมที่มาแรงเช่นนี้ ก็ทำให้รัฐบาลได้มีการผลักดันนโยบายการเข้มงวดอาวุธอย่างจริงจังและได้รับการสนับสนุนจากทั้งแกนนำพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน แม้ว่าจะมีการคัดค้านรุนแรงจากกลุ่มคนที่เชื่อมั่นในนโยบายเสรีปืนก่อนหน้าก็ตาม ซึ่งนโยบายการเข้มงวดนี้เองที่ทำให้ออสเตรเลียในปัจจุบันเป็นประเทศที่มีนโยบายเข้มงวดอาวุธประเทศหนึ่งในโลก 

 

เมื่อลงลึกถึงการปรับนโยบายการครอบครองอาวุธนั้น ก็จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่หลายส่วน เช่น บังคับให้มีการลงทะเบียนอาวุธปืนสมัยใหม่ทุกกระบอกในประเทศ รวมทั้งในการซื้ออาวุธปืนใหม่นั้น จะต้องมีการยื่นขออนุญาตและจดทะเบียนการซื้อโดยจะระยะเวลา 28 วันในการพิจารณา ซึ่งคุณสมบัติสำคัญ คือ ต้องมีอายุเกิน 18 ปี ต้องมีพื้นที่เก็บปืน และต้องมีเหตุผลในการครอบครองอาวุธที่ฟังขึ้น เช่น ทำงานในสายงานที่ต้องใช้อาวุธป้องกันตัว ซึ่งไม่สามารถใช้เหตุผลว่า “ป้องกันตัว” ในการยื่นขออนุญาตการซื้อได้เลย

 

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีนโยบายปรับให้ปืนหลายชนิดกลายเป็นปืนผิดกฎหมายโดยเฉพาะปืนที่มีอำนาจการยิงสูงและมีการประกาศใช้นโยบายการรับซื้อปืนคืนจากทั้งประชาชนที่ต้องการขายปืนใหม่แบบถูกกฎหมายคืนให้ภาครัฐ อีกทั้งยังมีการให้โอกาสประชาชนที่ครอบครองอาวุธที่ไม่ได้ลงทะเบียนมาตั้งแต่แรกรวมทั้งอาวุธที่เคยถูกกฎหมายเดิมแต่ถูกปรับให้ผิดกฎหมายเนื่องจากมีอำนาจการยิงสูงก็สามารถขายคืนให้ภาครัฐได้เช่นเดียวกัน 

 

ด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการครอบครองอาวุธในระดับชาตินี้ ได้ทำให้รัฐบาลกลางต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากในการรับซื้อปืนนับแสนกระบอกขึ้นไปคืนกลับเป็นของภาครัฐผ่านโครงการรับซื้อปืนคืนจากประชาชน รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายในระดับรัฐเช่นเดียวกัน ซึ่งมีความเข้มงวดแตกต่างกันไป

 

จากการบังคับใช้นโยบายการเข้มงวดอาวุธมาถึงปัจจุบัน ได้ทำให้การก่อเหตุร้ายโดยใช้อาวุธปืนโดยเฉพาะอย่างการกราดยิงรุนแรงได้มีแนวโน้มที่จะลดลงทั้งจำนวนเหตุการณ์และความรุนแรงของเหตุการณ์ ทว่าในสังคมออสเตรเลียก็มีข้อโต้แย้งอยู่บ้าง 

 

คือ มุมหนึ่งจะมองว่า การประกาศใช้นโยบายเข้มงวดปืนมีผลทำให้เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในประเทศ แต่ก็มีอีกมุมหนึ่งที่มองว่า สถิติเหตุการณ์ก่อเหตุรุนแรงที่น้อยลงก็อาจไม่เกี่ยวกับนโยบายเข้มงวดอาวุธ หรือแม้แต่มองว่า นโยบายเข้มงวดอาวุธนั้น ไม่สามารถใช้ได้อย่างเด็ดขาดกับอาวุธเถื่อนที่ยังมีอยู่บ้างในสังคมออสเตรเลีย 

 

อย่างไรก็ตาม สาธารณชนออสเตรเลียโดยส่วนใหญ่นั้นมีมุมมองที่สนับสนุนต่อนโยบายการครอบครองอาวุธปืนแบบเข้มงวดที่ได้ดำเนินการมาถึงปัจจุบัน ซ้ำร้ายสังคมบางส่วนยังมองด้วยซ้ำว่า กฎการครอบครองอาวุธปัจจุบันยังหย่อนยานเกินไป และมีเพียงส่วนน้อยจริง ๆ ที่มองว่า กฎการครอบครองอาวุธของออสเตรเลียปัจจุบันได้มีการบังคับใช้เข้มงวดมากจนเกินไป

 

สุดท้ายนี้ ออสเตรเลียที่เคยมีนโยบายการครอบครองอาวุธปืนที่ค่อนข้างจะเสรี แต่ก็ได้แปรเปลี่ยนนโยบายจนมีความเข้มงวดจากเหตุการณ์การกราดยิงครั้งใหญ่ที่สร้างความระทึกขวัญให้กับสังคมจำนวนมาก และกรณีของออสเตรเลียก็เป็นกรณีศึกษาสำหรับหลายประเทศที่ประสบกับเหตุการณ์การกราดยิงหรือความรุนแรงจากการใช้ปืน ซึ่งสุดท้ายแล้วมติมหาชนและทิศทางของภาครัฐ คือ ปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางและดำเนินนโยบายด้านการครอบครองอาวุธปืนของประเทศต่าง ๆ ในห้วงอนาคตต่อจากนี้ต่อไป 

โดย ชย

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า